พท. ชี้ โจทย์เปลี่ยน ต้องหาเสียง “ส.ส.-ส.ว.-พรรคการเมือง” มาเติม โหวตนายกฯ

เพื่อไทย ตั้งโต๊ะ แถลง ขอบคุณ ก้าวไกล มอบให้จัดตั้งรัฐบาล ชี้ โจทย์เปลี่ยน ต้อง หาจุดยืนปม ม.112 ให้ชัดเจน พร้อมหาเสียง สส.-สส. หรือ พรรคการเมืองอื่นมาเติม เพื่อ โหวตนายกฯ 27 ก.ค ให้ผ่าน ที่ประชุมรัฐสภาให้ได้

วันที่ 21 ก.ค.2566 เวลา 13.30 น. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.), นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรค และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค แถลงข่าวประเด็นเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ภายหลัง พรรคก้าวไกลเปิดทางให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยขอขอบคุณพรรค ก.ก. ที่ส่งมอบภารกิจในการจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรค พท. ซึ่งเป็นไปตามวิถีทางทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้เงื่อนไขของการร่วมรัฐบาลจาก 8 พรรคการเมืองเดิม ตามที่พรรค ก.ก.ได้แถลงต่อสื่อมวลชนไปแล้ว เบื้องต้น พรรค พท.จะได้หารือกับ 8 พรรคการเมืองเดิม เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและกำหนดแนวทางในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป พรรค พท.เห็นว่าภายใต้ข้อตกลงของ 8 พรรคการเมืองเดิม พรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคสามารถรวมเสียงได้ 312 เสียง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาไม่เห็นชอบ เนื่องจากมีเงื่อนไขสำคัญที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงส่งผลให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้

ดังนั้นพรรค พท.จึงมีความจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เสียงเกินกว่า 375 เสียง เบื้องต้นพรรค พท.จะขอเสียงสนับสุนนจากสมาชิกวุฒิสภา และ จากพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ในที่สุด และหากผลการดำเนินเป็นประการใด จะได้แจ้งให้ 8 พรรคการเมืองและสาธารณชนทราบต่อไปโดยเร็ว

นพ.ชลน่าน กล่าวถึงกรณีการหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเพื่อจัดตั้งรัฐบาล จะมีการพูดคุยกับพรรครัฐบาลเดิมหรือไม่ว่า จะต้องหารือกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลในการประชุมวันนี้ หลังจากนั้นจึงจะค่อยดำเนินการ ต่อข้อถามต่อว่าจะต้องทบทวนเอ็มโอยูที่ได้ทำร่วมกับ 8 พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เอ็มโอยู เป็นบันทึกความเข้าใจระหว่าง 8 พรรคร่วม ซึ่งระหว่างนี้เรากำลังอยู่บนพื้นฐานการพูดคุยระหว่าง 8 พรรค ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะอยู่ในการประชุมหารือวันนี้ เพราะเป้าหมายอยู่ที่การเพิ่มเสียงให้ได้ 375 เสียง ฉะนั้นหนทางใดที่จะต้องใช้เพื่อการเพิ่มเสียงได้ และไม่สอดคล้องกับเอ็มโอยูก็จะต้องมาหารือกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 27 กรกฎาคม จะมีการเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พท.เลยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นกระบวนการที่พรรค พท.ต้องมาดำเนินการภายในพรรค ซึ่งส่วนหนึ่งคณะกรรมการบริหารพรรคได้ทำหน้าที่เรื่องนี้ ได้มอบหมายให้ตนในฐานะหัวหน้าพรรคเป็นผู้ดำเนินการแทน อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมพรรคในวันที่ 26 ก.ค. เวลา 17.00 น. เมื่อถามว่า กลัวว่าการโหวตจะมีผลออกมาซ้ำรอยเดิมหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เรานำมาเป็นโจทย์หลักในการดำเนินการแสวงหาเสียงเพิ่ม ดังนั้นกลไลที่จะใช้ในการแก้ปัญหา เพื่อให้ได้มาซึ่ง 375 เสียง ก็ต้องมีการเจรจากันทั้งหมด

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวถึงมาตรา 112 ของพรรค ก.ก.จะเป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ว่า วันนี้จะหารือถือเป็นจุดเริ่มต้น เพื่อให้เห็นปัญหาตรงกันว่า ขณะนี้ที่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้คืออะไร มีมาตรา 112 เป็นประเด็นหรือไม่ รวมทั้งจะได้ความเห็นจาก 8 พรรคร่วมว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร สิ่งสำคัญต้องมองว่า มีประเด็นปัญหาอะไรและต้องฝ่าปัญหาอย่างไร ยืนยันว่าเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อออกจากสภาพเดิมๆ เรารอมา 2 เดือนแล้ว เราจำเป็นต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ เป้าหมายของเราคือจะต้องได้นายกฯ ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ให้ได้

เมื่อถามว่า โจทย์ของพรรค ก.ก.ที่แถลงวันนี้ คือประชาชนต้องการเปลี่ยนขั้ว หากเสียงไม่พอจะทำความเข้าใจกับพรรคก.ก.อย่างไรในการไปหาเสียงเพิ่มจากฝ่ายต่างๆ นายภูมิธรรม กล่าวว่า คงต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไร หากยืนที่ 312 เสียงเหมือนเดิม เราไม่ขัดข้องแต่ต้องบอกให้ชัดเจนว่าจะหาเสียงเพิ่มจากไหน เมื่อถามถึงท่าทีของ ส.ว.ที่ระบุว่าหากมีพรรค ก.ก.ร่วมรัฐบาล จะไม่ยกมือสนับสนุน นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแล้ว ขอให้เราทำงานก่อน ที่เราเร่งวันนี้เพราะเราต้องการให้มีเวลามากพอในการให้ได้นายกฯ ในวันที่ 27 ก.ค.

เมื่อถามว่า จะหารือกับพรรค ก.ก.อย่างไรหลังพรรค ก.ก.ไม่มีท่าทีลดเพดานเรื่องมาตรา 112 ขณะที่หลายฝ่ายไม่เห็นด้วย นายภูมิธรรม กล่าวว่า ต้องคุยตรงไปตรงมาว่า ขณะนี้อะไรคือปัญหา แล้วจะมีหนทางแก้ไขอย่างไร ถ้าเป็นเรื่องมาตรา 112 ต้องคุยกับพรรค ก.ก.ว่าตราบที่เราจะไปต่อและเป็นรัฐบาลให้ได้นั้น ปัจจัยเงื่อนไขที่เป็นปัญหากับพรรคไหน พรรคนั้นต้องเป็นคนตอบว่าจะคลี่คลายปัญหาอย่างไร ส่วนพรรคก.ก.จะไปต่อกับ 8 พรรคหรือไม่นั้น เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ อยู่ที่การหารือกัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันนี้

“วันนี้โจทย์เปลี่ยน เราคงต้องทำหน้าที่ใหม่ เพราะคราวที่แล้วเราทำหน้าที่หาเสียงให้พรรค ก.ก.ในฐานะแกนนำ แต่วันนี้ต้องคุยใหม่ เราจะต้องเริ่มการพูดคุยอย่างเป็นทางการในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า หากโหวตชื่อนายเศรษฐา ไม่ผ่าน พรรค พท.จะดำเนินการอย่างไรต่อ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราตั้งใจจะทำให้ผ่าน จึงไม่มีคำว่าถ้า และต้องทำอย่างสุดความสามารถให้บรรลุ เราต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ในวันที่ 27 ก.ค.นี้