ประชาธิปัตย์เดือด…ลือสะพัด 16 ส.ส.ปันใจให้ภูมิใจไทย ถกร่วมเพื่อไทยตั้งรัฐบาล ศึกชิงหัวหน้าพรรคไม่ลงตัว ขั้ว “เฉลิมชัย”ขอเปลี่ยนหัวจาก “นราพัฒน์” เป็น “ดร.เอ้”
หลังเสร็จภารกิจการชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่รัฐสภาตอกฝาโลงไปแล้ว ในสมัยประชุมนี้ไม่สามารถเสนอกลับมาได้อีก เกมจึงเปลี่ยนไปอยู่ในมือเพื่อไทย
หันมาดูศึกในค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมบ้าง (ประชาธิปัตย์) ที่การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาหอบหิ้วเข้าสภามาได้แค่ 25 คน จุรินทร์ลักษณวิศิษฏ์ รับผิดชอบด้วยการลาออก ที่เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการล้มการประชุมเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ด้วยการล้มองค์ประชุม (องค์ประชุมไม่ครบ) ในช่วงบ่าย อันเป็นเกมที่ถูกกำหนดขึ้นจากฝ่ายที่ส่อว่าจะแพ้โหวต
12 กรกฎาคม มีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการ มีกรรมการบางคนเสนอให้เพิ่มองค์ประชุม เพื่อแก้ปัญหาองค์ประชุมไม่ครบ โดยให้เพิ่มองค์ประชุมอีกภาคละ 25 คน คือเพิ่มอีก 125 ให้รองหัวหน้าพรรคในแต่ละภาคเป็นคนคัดเลือกจากสมาชิกพรรคมาเป็นองค์ประชุม จากเดิมองค์ประชุมมีอยู่ 250 คน เป็น 375 คน รองหัวหน้าพรรคประจำภาคก็เตรียมการคัดสมาชิกพรรค จาก ส.อบจ.บ้าง จากนายกเทศมนตรีบ้างที่เป็นพวกของตัวเองมาเป็นองค์ประชุม
จริงๆในการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ปัญหาไม่ได้อยู่ที่องค์ประชุม เพราะช่วงเช้าองค์ประชุมครบ เพียงแต่ว่าองค์ประชุมเป็นคนของใครมากกว่า เมื่อเช็คจากการประลองกำลังกันสองรอบในตอนเช้า ยังไม่เห็นแววชนะ จึงใช้เกมล้มการประชุมมาแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน
การเสนอเพิ่มองค์ประชุม กรรมการบริหารพรรคหลายคนอภิปรายแย้ง เพราะยังไม่ใช่เวลา พรรคยังไม่วิกฤติถึงขนาดขาดองค์ประชุมตามข้อบังคับพรรค แต่ท้ายที่สุดกรรมการบริหารพรรคฝ่ายเสียงข้างมากก็ลากไปมีมติพรรคก็ให้เพิ่มองค์ประชุม แต่เวลานี้มีกรรมการบริหารพรรคที่คัดค้าน หรือเห็นแย้งก็ยังไม่ยอมแพ้ 5 กรรมการบริหารพรรคทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรค (จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) และเลขาพรรค (เฉลิมชัย ศรีอ่อน) เช่น สาทิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค คุณหญิงกัลยา โสภณพาณิชย์ รองหัวหน้าพรรค ผ่องศรี ธาราภูมิ กรรมการบริหารพรรค ให้พิจารณาทบทวน
เข้าใจว่าการทำหนังสือโต้แย้งน่าจะมีผลให้ต้องเลื่อนการประชุมใหญ่วิสามัญออกไปก่อน จากเดิมที่กำหนดไว้เป็นวันอาทิตย์ที่ 23 กรกฎาคม แต่การเลื่อนการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่ได้แจ้งต่อสมาชิกอย่างเป็นทางการ
สำหรับศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เมื่ออาทิตย์ที่แล้วคาดว่าจะเป็นการแข่งกันระหว่าง “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” อดีตหัวหน้าพรรค กับ “นราพัฒน์ แก้วทอง” รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนขั้ว “เฉลิมชัย” จึงขอเปลี่ยนตัวเล่น เป็น “ดร.เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ลงชิงแทน โดยมีติ่ง มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ร่วมแจม ด้วย
แต่คู่ชิงน่าจะมีเพียง 2 คนนี้ คือ “มาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีต หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ,อดีตนายกรัฐมนตรี และ “ดร.เอ้”ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย และอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีลาดกระบัง(สจล.)
ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็ถือว่าเป็นข่าวใหญ่ที่ต้องติดตาม 77 ปี ย่าง 78 ปี ก็ถือว่าเป็นพรรคที่มีของดี มีประวัติ มีความเป็นมามีผลงานเป็นที่ยอมรับระดับหนึ่งให้คนได้กล่าวขาน ถึงอยู่ยงคงกระพันมาได้ สู้คดียุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง และรอดมาได้ ผ่านหัวพรรคมาแล้ว 8 คน กำลังจะเลือกคนที่ 9 สร้างคน สร้างนักการเมืองมามาก สร้างนายกรัฐมนตรี สร้างประธานสภามาแล้ว นัดการเมืองในบางพรรคก็เกิดจากท้องประชาธิปัตย์
แต่พลันที่พิธาตกสวรรค์ กลับมาข่าวลือสะพัดหนาหูว่า การประชุม ส.ส.ประชาธิปัตย์ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เห็นพ้องต้องกันว่า จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่การจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ ต้องเป็นมติกรรมการบริหารพรรค และน่าจะรอผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ประชาธิปัตย์มีข่าวลือหนักกว่านั้น คือเพจของพรรคโพสต์ว่า มี 16 ส.ส.ภาคใต้ ปันใจให้ภูมิใจไทยไปแล้ว มีนักการเมืองสงขลาคนหนึ่งเป็นคนเปิดดีล และรับผิดชอบเลี้ยงดูกันอยู่
อนาคตประชาธิปัตย์จะก้าวเดินไปอย่างไร หรือจะขุดหลุมฝังตัวเอง น่าสนใจติดตามยิ่งในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านนี้
#นายหัวไทร #ประชาธิปัตย์