ทนายอั๋น เล็งยื่น กกต. สอบ ส.ส.ภูมิใจไทย ถือหุ้นไอทีวี ขอบังคับใช้กฎหมายตามมาตรฐานเดียวกันกับที่บังคับใช้ นายพิธา ทางด้าน “จักรกฤษณ์” เจ้าของหุ้น ยันโอนให้พี่น้องไปนานแล้ว และ พร้อมชี้แจงหากป.ป.ช.เรียกสอบ
วันที่ 19 ก.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก ป.ป.ช. เปิดเผยบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของ นายจักรกฤษณ์ ทองศรี ส.ส.เขต 7 บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ที่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน พ้นตำแหน่งเมื่อ 20 มี.ค.66 โดยแจ้งว่ามีรายได้จากเงินเดือน 1,362,720 บาท รายได้จากเงินปันผล 1,752,000 บาท และ ดอกเบี้ยเงินฝาก/สลากออมสิน 300,000 บาท มีรายได้จากบิดา มารดาให้ 2,400,000 บาท โดยมีรายได้ต่อปี 5,814,720 บาท ขณะที่มีรายจ่าย เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 600,000 บาท ,เบี้ยประกัน 800,000 บาท รวมรายจ่ายต่อปี 1,400,000 บาท
ทั้งนี้ มีทรัพย์สิน 80,031,205.91 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 32,211,174.35 บาท เงินลงทุน 16,632,000.00 บาท ที่ดิน 7,600,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 12,500,000 บาท ยานพาหนะ 5,300,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 5,788,031.56 บาท โดย คู่สมรส มีทรัพย์สิน 4,178,135.44 และ บุตรมีทรัพย์สิน 217,971 บาท รวม 84,427,312.38 ขณะที่ทรัพย์สินอื่นๆ ที่น่าสนใจ พบมีเงินลงทุน หุ้น ITV จำนวน 40,000 หุ้น มูลค่า 0.00 เป็นของผู้ยื่นเอง และหุ้น PF จำนวน 41,580,000 มูลค่า 16,632,000 เป็นของผู้ยื่น นอกจากนี้ยังมีโฉนดที่ดินใน จ.บุรีรัมย์ และนนทบุรี อีก 3 ฉบับ และบ้านย่าน นนทบุรี และ กรุงเทพฯ อีกอย่างละแห่ง
ล่าสุด นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ภายในวันที่ 20 ก.ค.66 จะยื่นหนังสือต่อ กกต. เพื่อขอให้ ตรวจสอบกรณีการถือครองหุ้นสื่อไอทีวี ของ นายจักรกฤษณ์ ทองศรี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย บุรีรัมย์ เพื่อขอให้กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ตีความว่าขาดคุณสมบัติการรับสมัครเป็น ส.ส. ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 98 (3) ส่งผลทำให้สิ้นสุดสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. ตามมาตรา 101 (6) หรือไม่
ให้กกต. ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยไม่จำต้องแจ้งข้อกล่าวหา ไม่ต้องทำการไต่สวน สืบสวนหรือชี้แจงข้อกล่าวหาแต่อย่างใด ขอให้กกต. บังคับใช้กฎหมายตามมาตรฐานเดียวกันกับที่บังคับใช้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ต่อไป
ส.ส.ภูมิใจไทย แจงปมหุ้นไอทีวี ยกให้ญาติไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนลงเลือกตั้ง เผยเหตุที่ยังอยู่ในบัญชีทรัพย์สินที่แจ้ง ป.ป.ช. ยันไม่กังวล พร้อมเปิดเผยสัญญาในชั้นศาล
ด้าน นายจักรกฤษณ์ ทองศรี ชี้แจงภายหลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สิน หลังพ้นตำแหน่ง พบถือหุ้นไอทีวี 40,000 หุ้นว่า จริงๆ แล้วไม่มีอะไร ตนได้ยกหุ้นตัวนี้ออกไปให้กับลูกพี่ลูกน้องตั้งแต่ปี 2561 แล้ว ก่อนที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งปี 2562
ส่วนที่เหตุใดยังมีอยู่ในบัญชีทรัพย์สินที่แจ้งกับ ป.ป.ช. นั้น นายจักรกฤษณ์ อธิบายว่า หุ้นไอทีวีหยุดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ถูกยกเลิกสัมปทานปี 2561 จึงทำสัญญายกหุ้นให้ลูกพี่ลูกน้องก่อนการเลือกตั้ง เพราะเราไม่สามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ ซึ่งเวลาทำหนังสือไปขอให้ตลาดหลักทรัพย์ ออกใบรับรองหุ้น ซึ่งตนมีหุ้นตัวอื่นอยู่ด้วย และจะเห็นชัดเจนว่าไอทีวี 40,000 หมื่นหุ้นจริง แต่ไม่มีมูลค่า เพราะไม่มีการซื้อขาย และที่สำคัญหุ้นก็คือสังหาริมทรัพย์ สามารถทำหนังสือยกให้ ซึ่งก็ถือว่ามีผลสมบูรณ์แล้ว
“เราก็เลยไม่กังวล เพราะว่าผมเชื่อว่าการยกหุ้นตามสัญญา ที่เราได้ ทำการตั้งแต่ปี 2561 ถือว่าสมบูรณ์ เพราะหุ้นเป็นสังหาริมทรัพย์ และที่สำคัญที่สุดหุ้นไอทีวีของผมไม่มีมูลค่า จึงไม่สามารถซื้อขายกันได้ ต้องพูดตรงๆ หุ้นตัวนี้เอาไปขายให้ใครก็ไม่มีคนซื้ออยู่แล้ว” นายจักรกฤษณ์ กล่าว และว่า หากมีใครไปร้องพร้อมชี้แจงใช่หรือไม่ นายจักรกฤษณ์ ระบุว่า พร้อมชี้แจง ไม่ได้กังวลอะไร สัญญาก็ถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่าง และยืนยันว่าสามารถเปิดเผยสัญญาได้ เมื่อถึงเวลา เมื่อถึงกระบวนการเราก็พร้อมที่จะเปิดเผย ที่จะต้องไปว่ากันในชั้นศาล ก็ว่ากันไปตามกฏหมายอยู่แล้ว