“เสรี​พิศุทธ์​” ซัด”ก้าวไกล”ปล่อย “ด้อมส้ม” ​มีอำนาจเหนือการตัดสินใจ ​ไม่ถูกต้อง

“เสรี​พิศุทธ์ เตมียเวส​” ซัด​ ก้าวไกล​ ยกมาตรฐานสูง​ปิดกั้นตัวเอง​ ปล่อยด้อมส้ม​มีอำนาจเหนือการตัดสินใจ​ทำเสียกระบวนการ บอกไม่ปิดกั้น​ตัวเองพร้อมร่วมรัฐบาลทุกพรรค​ เหตุไร้เงื่อนไข “ประยุทธ์​” หลังประกาศวางมือการเมือง​

วันที่ 16 ก.ค.2566 พลตำรวจเอกเสรี​พิศุทธ์​ เตมียเวส​ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย​ กล่าวถึ​งกรณี​พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลนัดหารือเพื่อหาทางออกเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรี​เย็นวานนี้​ หลังหลายฝ่ายมีความกังวลว่าหากเสนอชื่อนายพิธา​ ลิ้มเจริญรัตน์​ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพียงคนเดียวอาจจะไม่ผ่านการโหวต​ ในฐานะที่เป็นหนึ่งในแปดพรรคร่วม​จัดตั้งรัฐบาล​ มองว่าเสนอชื่ออื่นด้วยหรือไม่​ ว่า​ จะเสนอกี่คนก็ได้ทั้งนั้น เพราะไม่มีข้อบังคับ จะมีคนเสนอชื่อใหม่เป็น​ พลเอกประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี​ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐหรือพลเอกประยุทธ์​ จันทร์โอชา​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ ขึ้นมาก็ได้ หรือจะเสนอชื่อของนายพิธา อีกก็ได้ ข้อบังคับที่ ส.ว.นั้นนำมาอ้าง เป็นข้อบังคับเกี่ยวกับการประชุม เป็นคนละส่วนกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เวลาอ่านหนังสือต้องอ่านให้ครบ ต้องอ่านทั้งเล่มไม่ใช่อ่านข้อเดียวแล้วมาคุย ถ้าอ่านข้อเดียวก็จะเจอข้อที่ 41 ที่กำหนดไว้ว่าญัตติที่เสนอไปแล้ว ถูกตีตกห้ามนำญัตติเดิมมาพิจารณาใหม่ เว้นแต่ประธานสภาฯ จะอนุญาต แต่จะเถียงกันอย่างไรก็เป็นอำนาจของประธานสภาฯ​

ส่วนกังวลหรือไม่หาก ส.สและ ส.ว.อภิปรายจนทำให้ไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้อีก หรืออาจนำไปสู่ปัญหาอื่น​ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์​ กล่าวว่า ถ้าตนเป็นประธานสภาฯ​ จะไม่ให้อภิปรายแล้ว เพราะอภิปรายกันไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรจะพูด อภิปรายซ้ำๆ เดิมๆ ครั้งที่แล้วก็เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่กลับอภิปรายเรื่องมาตรา 112 มันไม่ใช่ ตนก็เลยต้องอภิปรายตามไปด้วย​ เพราะคนยังไม่เข้าใจเรื่องมาตรา 112 ทั้ง ส.ว.​ และ ส.ส.​ มีความรู้ขนาดไหนก็ไม่เข้าใจ​ ความจริงมาตรา 112 เป็นกฎหมายอาญาถึงอย่างไรก็แก้ได้ตามรัฐธรรมนูญ และมีการแก้มาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่ไม่รู้เรื่องอะไรแล้วมาแสดงความคิดเห็นส่วนในรอบที่ 2 จะเสนอชื่อนายพิธา ได้อีกหรือไม่ และหากไม่ได้ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะทำอย่างไร พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์กล่าวว่า ก็ยังเสนอได้ นายพิธาไม่ได้หมดสิทธิ์ ใครก็เสนอได้ พรรคก้าวไกลจะเป็นผู้เสนอหรือตนเสนอก็ทำได้ และ เมื่อถามต่อว่าการโหวตรอบแรกเสียงของนายพิธายังไม่ได้ แล้วรอบ 2 จะได้หรือไม่ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์​ กล่าวว่า​ มีการเว้นระยะเวลาการโหวตทั้ง 2 ครั้งไว้ จากวันที่ 13 กรกฎาคม​ เป็นวันที่ 19 กรกฎาคม เพื่อให้มีเวลาประสาน​ พร้อมมองว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสไม่มาก เพราะส่วนใหญ่จะปิดกั้นตัวเอง นี่ก็ไม่ได้​ นั่นก็ไม่ได้​ ไปยกมาตรฐานไว้สูงเลย ยกตัวอย่างเช่น

“พอมี 312 เสียง จะไปหาเพิ่ม ไปติดต่อพรรคชาติพัฒนากล้า ที่มี 2 เสียง แต่พอด้อมส้มทั้งหลายที่ไม่รู้เรื่องพูดมาหน่อยก็ถอยแล้ว​ไปฟังเสียงพวกนี้ทำไม​ พวกนี้มีอะไรกับพรรคก้าวไกล​ ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรหรอก​ ไปฟังใครก็ไม่รู้”

ส่วนความเป็นไปได้ที่แปดพรรคร่วมจะเสนอยุทธวิธีใหม่​ ด้วยการเปลี่ยน ชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็น​ นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ หรือนางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย เพราะหากเป็นแคนดิเดตจากพรรคก้าวไกลจะไม่ได้เสียงจาก ส.ว.อีก​ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์​ กล่าวว่า​ ยังหรอก​ อย่างไรวันนั้นเพื่อไทยก็ยังไม่แข่งด้วย​ เปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลอย่างเต็มที่​ คบหากันมา​ คุยกันมา​ ทำ​ MOU​ กัน​ เพื่อเปิดสิทธิ์ให้พรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ​ เราก็คิดอย่างนั้น​ เพื่อไทยก็คิดอย่างนั้น​ จะ​ 2 ครั้ง​ 3 ครั้ง​ 4​ ครั้ง​ ก็ได้​ พร้อมย้ำว่า​ วันที่ 19 กรกฎาคมอย่างไรก็เสนอพรรคก้าวไกลแน่ๆ​ เพื่อไทยก็ไม่แข่งด้วย​

ทั้งนี้พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์​ กล่าวว่า หากในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ยังไม่ได้นายกรัฐมนตรี ทั้ง 2 พรรคก็ต้องคุยกัน​ ว่าโหวต​ 2 ครั้งแล้วยังไม่ได้​ ก้าวไกลจะถอยหรือไม่​ ถ้าก้าวไกลถอยเพื่อไทยจะได้เสนอแคนดิเดต​ แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนไปเป็นเพื่อไทย​ ในขั้นต้น​ พรรคเพื่อไทยก็จะยังต้องเอาพรรคก้าวไกลไว้พูดมาตลอดจะเสียคำพูดได้อย่างไร เพราะหากเสียคำพูดก็คบกันไม่ได้ เพื่อไทยกับก้าวไกลต้องผูกกันไปเรื่อยๆ

ส่วนมองฉากทัศน์​สถานการณ์ทางการเมืองอย่างไรหากเพื่อไทยและก้าวไกลแยกกัน​ โดยก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน​ เพื่อไทยเป็นรัฐบาล​ เสรีรวมไทยจะมีจุดยื่นอย่างไร พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์​ กล่าวว่า​ ขอให้ไปย้อนฟังการสัมภาษณ์​ของตนได้ทุกครั้ง​ ตนบอก มาตลอดว่าไม่เอาเผด็จการ​ ไม่เอาพลเอกประยุทธ์​ ผมบอกว่าถ้าเป็นพลเอกประวิตรผมเอาได้ คนมาวิพากษ์วิจารณ์ผม ก็ผมจะเอาแล้วทำไม พอพลเอกประยุทธ์ไม่อยู่​ ผมก็รวมได้หมด​ ถึงพลเอกประยุทธ์จะอยู่ ถ้าเขาไม่เอารวมไทยสร้างชาติผมก็รวมได้ ผมไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเอง ผมเปิดได้หมด พร้อมกับกล่าวย้ำว่าก็ผมบอกว่าคนรัฐประหาร​คือพลเอกประยุทธ์​ พลเอกประวิตรเพียงแค่ถูกเชิญมาร่วมรัฐบาลเฉยๆ ก็ไม่ใช่คนรัฐประหาร​