‘อัยย์ เพชรทอง’ ขอขมา’วันนอร์’แนวโน้มถอนฟ้องทุกคดี

อัยย์ เพชรทอง’ เขียนจดหมายขอขมา ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ สำนึกผิดที่โพสต์หมิ่น ชี้พรรคประชาชาติไม่เกี่ยวข้องใดๆกับกลุ่มแยกดินแด

วันนี้ (11 ก.ค.66) เวลา 14.00 น. นางจันทร์เต็มดวง พาเจริญ ภรรยาของนายอัยย์ เพชรทอง เดินทางมาที่พรรคประชาชาติ พร้อมบุตรชาย 2 คน และพรรคพวก ขอเข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อขอกราบขอขมาลาโทษกรณีที่นายอัยย์ เพชรทอง สามีของตนโพสต์หมิ่นประมาทว่านายวันมูหะมัดนอร์ มะทา เป็นหัวหน้าโจรกบฏแบ่งแยกดินแดน ซึ่งศาลยะลาได้ตัดสินจำคุกรวม 8 ปี 5 เดือน ปัจจุบันถูกขังอยู่ที่เรือนจำสงขลา และคดีที่นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ฟ้องหมิ่นประมาท ถูกศาลนราธิวาสสั่งจำคุก 10 ปี รวมทั้งหมด 18 ปี

นางจันทร์เต็มดวง ได้นำจดหมายที่นายอัยย์เขียนด้วยลายมือจากในเรือนจำ ส่งถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ไม่ได้เดินทางมาที่สำนักงานพรรคประชาชาติ เนื่องจากมีภารกิจที่รัฐสภา นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นราธิวาส เขต 5 พรรคประชาชาติจึงได้รับจดหมายแทน โดยพรรคพวกได้อ่านจดหมาย ข้อความตอนหนึ่งระบุว่า “เนื่องด้วยกระผม นายอัยย์ เพชรทอง (เลขาธิการ อปพส.) ผิดโดยการโพสต์ดูหมิ่น หมิ่นประมาทต่อท่าน อ.วันนอร์, ท่านทวี, ท่านอารีเพ็ญ, ท่านกมลศักดิ์ ในทำนองว่า เป็นหัวหน้าโจร BRN สนับสนุนโจร BRN และได้สร้างความเสียหาย เสียชื่อเสียงเกียรติยศต่อสาธารณชนในโลกโซเชียล และทำให้ทุกท่านได้รับการดูหมิ่น และถูกเข้าใจผิดจากคนที่รับรู้จากข้อมูลในโลกโซเชียลมาเป็นเวลาระยะหนึ่ง ซึ่งสาเหตุทั้งหมดมาจากกระผม ได้รับข้อมูลที่ผิดพลาด กระผมจึงได้กระทำการผิดพลาดอย่างมหันต์ ต่อท่าน อ.วันนอร์ และคณะ บัดนี้กระผมได้รับรู้ความจริงแล้วว่า ท่าน อ.วันนอร์, ท่านทวี, ท่านอารีเพ็ญ, ท่านกมลศักดิ์ และ พรรคประชาชาติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับขบวนการโจรก่อการร้าย BRN เมื่อกระผมได้รับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง กระผมจึงรู้สึกเสียใจ และเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง ที่กระผมได้ทำร้ายคนดีๆ ให้ได้รับความเสียหายต่อสาธารณะ และทำให้กระผมเกิดความสำนึกผิดต่อทุกท่านอย่างจริงใจ กระผมจึงต้องขออภัย ขอขมาลาโทษ กราบขออโหสิกรรมต่อท่าน อ.วันนอร์, ท่านทวี, ท่านอารีเพ็ญ ท่านกมลศักดิ์ และพรรคประชาชาติ อย่างสำนึกผิดและจริงใจและตรงไปตรงมา กระผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะ ได้รับการให้อภัยและได้รับการอโหสิกรรมจากท่าน อ.วันนอร์, ท่านทวี, ท่านอารีเพ็ญ, ท่านกมลศักดิ์ และพรรคประชาชาติ กระผมจึงได้เขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมา….. “

“ขอขมา ขออโหสิกรรมกันต่อหน้า และเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำที่ได้สร้างความเสียหาย ต่อท่าน อ.วันนอร์, ท่านทวี, ท่าน อารีเพ็ญ, ท่านกมลศักดิ์ และพรรคประชาชาติ กระผมยินดี และ ยินยอมให้คณะของท่าน และพรรคประชาชาติ จดหมายของกระผมฉบับบนี้ ไปเผยแพร่ได้ทุกช่องทางสื่อสารโดยไม่จำกัดเวลา และไม่มีข้อแม้และเงื่อนไขใดๆ เพื่อเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงเกียรติยศ ศักดิ์ศรี ของท่านให้กลับคืนมาในเร็ววัน และคนทั่วไปและสาธารณชน จะได้เข้าใจท่าน อ.วันนอร์ และคณะรวมทั้งพรรคประชาชาติได้อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง และกระผมขอให้คำมั่นสัญญาว่า ต่อแต่นี้ไปตลอดจนในอนาคต กระผมจะไม่ทำความเสียหายใดๆ ในทุกๆด้านต่อท่าน อ.วันนอร์, ท่านทวี, ท่านอารีเพ็ญ, ท่านกมลศักดิ์ และพรรคประชาชาติ อีกต่อไป กระผมและครอบครัวหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านจะให้อภัย ให้อโหสิกรรม ต่อกระผม ซึ่งได้สำนึกผิดอย่างจริงใจ และด้วยเมตตาธรรมของท่าน ช่วยถอนฟ้องกระผมทุกคดี ทั้งคดีเก่า คดีใหม่ ทั้งที่ศาล จ.ยะลา, ศาล จ.นราธิวาส ในเร็ววันนี้ด้วยเถิด กระผมและครอบครัว และ สมาชิก อปพส.ทั่วประเทศ รวมทั้งองค์กรพุทธต่างๆ ขอกราบขอบพระคุณ ท่าน อ.วันนอร์ และคณะรวมทั้งพรรคประชาชาติ มา ณ โอกาสนี้’

ท้ายที่สุดนี้ กระผมขอยืนยันอีกครั้งว่า ท่าน อ.วันนอร์, ท่านทวี, ท่านอารีเพ็ญ และ ท่านกมลศักดิ์ รวมทั้ง พรรคประชาชาติ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับขบวนการ BRN และ กระผมขออวยพรให้ท่าน อ.วันนอร์ และ คณะ รวมทั้งพรรคประชาชาติ ได้มีความเจริญก้าวหน้า ขอให้สำเร็จในทุกอย่างที่ปรารถนา และได้บริหาร ราชการแผ่นดิน ให้เจริญรุ่งเรืองตลอดไป เป็นที่พึ่งของประชาชนทั้งประเทศด้วยเทอญ กระผมและครอบครัว ขอขมาลาโทษ ขออโหสิกรรมต่อ อ.วันนอร์ และ ทุกๆ ท่านรวมทั้งพรรคประชาชาติ ด้วยความสํานึกผิดอย่างจริงใจ ขอแสดงความนับถือ อัยย์ เพชรทอง 05/07/66”

นายกมลศักดิ์ ลีวาเมาะ ส.ส.นราธิวาส เป็นตัวแทนรับจดหมาย กล่าวว่า “ผมเป็นหนึ่งในผู้เสียหายของคดีนี้ด้วยเช่นกัน ผมจะนำจดหมายนี้ไปนำเรียนต่อท่านอาจารย์วันนอร์และท่านทวี ความจริงนโยบายของพรรคประชาชาติเราก็ส่งเสริมสังคมพหุวัฒนธรรม ที่จริงแล้วเราก็มีความเห็นใจ คดีนี้เป็นคดีที่ยอมความได้ จะรับคำขอขมานี้ไว้พิจารณา โดยทั้งหมดมี 6 คดี และได้ถอนฟ้องไปแล้ว 3 คดี ซึ่ง 3 คดีที่ศาลตัดสินจำคุกตอนนั้นนายอัยย์ ยังไม่ได้รับสารภาพ ยังต่อสู้คดีอยู่ มาช่วงหลัง คงสำนึกผิด เพราะใน 3 คดีศาลตัดสินลงโทษทั้งหมด เป็นการทำให้เกิดความเสียหาย และเกิดความแตกแยกในสังคม โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งต้องลดเงื่อนไขความขัดแย้ง โดยเฉพาะเรื่องศาสนา ไม่อยากให้เป็นประเด็น ซึ่งเป็น 3 คดีก่อนหน้านี้ ส่วน 3 คดีหลังนั้นได้มีการถอนฟ้องไปแล้ว หลังจากรับหนังสือในวันนี้ ก็จะรับไว้พิจารณา เพราะคดีนี้เป็นคดียอมความได้ ถอนฟ้องได้ ก่อนคดีจะถึงที่สุด 2 คดีแรกอยู่ในระหว่างฎีกา ส่วนอีก 1 คดี ที่ตนฟ้อง อยู่ในระหว่างอุทธรณ์ ซึ่งก็จะรับไว้พิจารณา ก็เชื่อว่าจะมีแนวโน้มในทางที่ดีขึ้น ตามนโยบายของพรรค คือสังคมพหุวัฒนธรรม เพียงแต่บางเรื่อง ก็ต้องปกป้องศักดิ์ศรีตนเอง ไม่ให้ใครมากล่าวหาได้ง่ายๆ เพราะเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหา ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”