“ชวน หลีกภัย” ร่ายยาว สเป็ก หัวหน้าพรรคปชป. คนใหม่ ต้องมีเกียรติประวัติ รู้อดีต รู้ปัจจุบัน รู้อนาคต สามารถระดมความเชื่อมั่นสมาชิกพรรคได้ หากเลือกคนมีคดีติดตัว พรรคก็รับกรรมไป ยกย่อง “สุเทพ-ถาวร-หมอวรงค์” อดีตสมาชิกปชป. ที่สร้างประโยชน์ให้ชาติบ้านเมือง
วันที่ 8 ก.ค.2566 นายชวน หลีกภัย ส.ส. บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการโหวตเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในวันที่ 9 กรกฎาคม ที่ขณะนี้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงตัวแคนดิเดตหัวหน้าพรรคฯ ว่า เรื่องนี้ตนไม่อยากจะพูดอะไร เพราะมีการแข่งขันกันอยู่ หากพูดไปก่อนก็จะไม่เหมาะสม อยากให้ดูกันวันที่มีการสมัคร เพราะยังไม่รู้ว่าใครมาสมัครบ้าง แต่สิ่งที่พอจะให้ความเห็นได้ในวันนี้ก็คือ มีคนห่วงใยพรรคมีมากกว่าคนที่จะมาสมัครเป็นหัวหน้าพรรค ยังมีคนที่รักพรรคฯจริงๆ เพราะยิ่งเห็นพรรคแพ้เลือกตั้งอย่างยับเยินขนาดนี้เขาก็ยิ่งห่วงใย และคิดว่าควรใช้เหตุการณ์นี้มาฟื้นพรรคฯ
โดยการคัดเลือกคนที่มีความเหมาะสม เป็นที่เชื่อถือได้ มาเป็นผู้นำ ในการที่จะพัฒนาพรรคต่อไป ในโอกาสอนาคต ทั้งหมดนี้คือความหวังของคนที่ห่วงใยพรรค ส่วนตัวไม่ขอวิจารณ์ คนที่แสดงความจำนงขอสมัคร เป็นหัวหน้าพรรคฯ เพราะยังไม่รู้ว่ามีใครบ้าง เท่าที่ทราบมีประกาศตัวชัดเจน คือ นายอลงกรณ์ พลบุตร ซึ่งก็ไม่ใช่ครั้งแรก และไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เชื่อว่ายังมีผู้สมัครอีก เพียงแต่ยังไม่ประกาศตัว และเชื่อว่าสมาชิกของพรรคฯมีเหตุมีผลในการช่วยการประคับประคองให้พรรคเดินไปข้างหน้าต่อไป
“เพราะผมนั้นถือเป็นคนรุ่นปลายแล้ว อาจจะไม่ได้อยู่ยาวได้เห็นอนาคตของพรรคไกลนัก แต่ก็อยู่มานานจนรู้สึกว่าพรรคนี้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตไม่ว่าจะขึ้นจะลง แต่คนอย่างพวกผม ก็มั่นคงไม่ได้วอกแวกไปไหน แม้จะเคย ถูกชวนให้ไปตั้งพรรคใหม่เมื่อปี 2519 แต่ผมไม่มีความคิดแบบนั้น และก็อยู่รอดยืนยาวมาจนถึงตอนนี้ เป็นเวลา 55-56 ปี แล้ว ดังนั้นไม่ว่าพรรคฯจะขึ้นจะลง ก็จะไม่เปลี่ยนแปลง จะรออยู่เป็นเพื่อนกับพรรค จะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งอย่างไรก็ยังอยู่กับพรรค” นายชวน กล่าว
ส่วนหัวหน้าพรรคคนใหม่ จำเป็นต้องเป็นคนรุ่นใหม่เข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือไม่นั้น นายชวน กล่าวว่า ตนขอย้ำว่า คนที่จะมาเป็นผู้นำพรรคฯ ต้องมีความคิดก้าวไกล มีความคิดก้าวหน้าในทางปฏิบัติ และต้องรู้ว่า มีอดีต มีปัจจุบัน และมีอนาคต เพราะประเทศไม่ได้ตั้งมาเมื่อปีที่แล้ว
“อดีตดีๆเราไปทิ้งมันก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ความเชื่อมั่นในความสุจริต ความมั่นคงก็ควรจะดำรงอยู่ ส่วนการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือมีความคิดใหม่ๆ เชื่อว่าทุกคนก็ทำอยู่แล้ว คนที่จะมาเป็นผู้นำพรรคเขาจะต้องรู้เรื่องเหล่านี้ เพียงแต่ว่า ใครจะทำได้หรือไม่ ก็ต้องดูที่องค์ประกอบด้วยว่า คนๆนั้น มีพื้นฐานมีความน่าเชื่อถือเพียงใด สามารถระดมความเชื่อมั่นในหมู่สมาชิกได้มากน้อยเพียงใด มันก็อยู่ที่เกียรติประวัติของคนคนนั้นเช่นเดียวกัน ว่ามีประวัติเป็นคนเชื่อถือได้หรือไม่ ทำงานกับคนอื่นได้ เอาเปรียบคนอื่นหรือไม่ เป็นคนสุจริตหรือไม่ การบริหารงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร หรือสมมุติ ยังไม่เคยเป็นอะไรมา ก็อาจจะต้องดูประวัติย้อนหลังกลับไป”นายชวน กล่าว
นายชวน ยืนยันว่า ที่ผ่านมาตนมองทุกคน มีประโยชน์ เพราะการที่ได้อยู่มาจนเห็นทุกอย่างเกิดความเปลี่ยนแปลงในพรรค ทำให้ได้เห็นคุณค่าของแต่ละคน ที่มีความหมาย มีความสำคัญด้วยกันทุกคน การมีส่วนร่วมพัฒนาพรรค ไม่มีใครที่ไม่มีความหมายเลย หากเปรียบเทียบ สมัยที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคฯ ตนเคยแข่งขันกับ นายมารุต บุนนาค เมื่อตนชนะ ก็ชวนนายมารุต มาเป็นรองหัวหน้าพรรค และเชิญคู่แข่งทั้งหลายมาร่วมทำงานกัน ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหา แต่มันเพิ่งมามีปัญหาสมัย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ที่คู่แข่งขันเมื่อแพ้ ก็ทยอยออกไปจากพรรค ดังนั้น เราจะเห็นว่า ปรากฏการณ์แต่ละช่วงมันจะแตกต่างกันไป ซึ่งตนก็ไม่อยากเชื่อว่าปัญหาในสมัยของนายจุรินทร์จะเกิดขึ้นได้ แต่ตนก็เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนนายจุรินทร์ และพยายามปกป้องนายจุรินทร์ แม้กระทั้งในช่วงท้ายๆที่มีคนคิดจะ ปลดนายจุรินทร์ ก่อนเลือกตั้ง ตนก็ต้องขอร้องว่าอย่าทำ
ส่วนคนที่ออกจากพรรคไป เป็นคนดีๆหลายคน ก็ชื่นชม อย่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ถ้าไม่มี นพ.วรงค์ ก็คงไม่สามารถจับทุจริตจำนำข้าว ที่สร้างความเสียหายได้มากขนาดนี้ จึงยกย่องเสมอ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เพราะความดีที่เขาทำก็ต้องระลึกถึง และคนดีๆหลายคนที่ออกจากพรรคไปก็เป็นเรื่องที่เสียดาย หลายคนเป็นกำลังสำคัญต่อสู้จนต้องคำพิพากษาจำคุก อย่าง นายถาวร เสนเนียม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คนเหล่านี้ เคยทำงานหนักทำให้พรรคได้ประโยชน์และทำให้บ้านเมืองดีขึ้น จึงหวังว่า หัวหน้าพรรคคนใหม่จะได้คนที่มีศักยภาพ มาทำงานเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง ไม่ใช่เพียงเอาคนเข้ามาเพื่อหวังจะไปร่วมรัฐบาล หรือหวังแต่จะทำอย่างไร จะให้ได้เป็นรัฐบาล ส่วนตัวไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่สามารถเป็นรัฐบาลก็ได้ เป็นฝ่ายค้านก็ได้ เมื่อถึงเวลาไม่ใช่คิดเพียงแค่ว่า ต้องเป็นรัฐบาลทุกสมัย เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ความเป็นสถาบันของพรรคก็จะหมดไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ภาพลักษณ์ของผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคฯ หากเป็นคนที่ถูกกล่าวหา หรือ มีคดีจะต้องทำอย่างไร นายชวน กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้น พรรคก็ต้องรับกรรมไป เพราะพรรคมีชีวิตด้วยคนที่เป็นสมาชิก ถ้าสมาชิกของพรรคซึ่งเป็นเจ้าของพรรค เลือกคนประเภทนั้นเข้ามา คนนอกพรรคก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นวันเลือกหัวหน้าพรรคฯ ก็คงจะได้มีการพูดถึงเรื่องนี้ด้วย
เมื่อถามว่า มีการพูดว่าการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะมีผลต่อการร่วมรัฐบาล นายชวน กล่าวว่า ไม่แน่ใจเพราะไม่มีใครยอมรับ ว่ามีการไปเจรจาร่วมรัฐบาล ในขณะที่ข่าวลือบอกว่ามี แต่ในระยะยาวมันปิดไม่มิด มันอาจจะโผล่มาได้ ดังนั้นใครไปทำอะไรไว้ก็ควรระวัง แม้กระทั่งคนที่เป็นรัฐมนตรี ถ้าทำถูกทำผิดวันหนึ่งมันก็ปรากฏ เพราะฉะนั้นทุกคนต้องระมัดระวังยึดความถูกต้องชอบธรรมเอาไว้