คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร แถลงกรณีศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องคำสั่งปลด”อิหม่ามเฟาซัน หลังปูเต๊ะ” ยืนยันฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายและหลักการศาสนา
วันที่ 22 เมษายน คณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วยนายวิศรุต เลาะวิถี รักษาการรองประธาน นายสมัย เจริญช่าง และนายอะหะหมัด ขามเทศทอง กรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันแถลงข่าว กรณีศาลฎีกามีคำพิพากษายกฟ้องคดีที่นายพัฒนา หลังปูเต๊ะ อดีตอิหม่ามมัสยิดต้นสนฟ้องให้ศาลถอดถอนคำสั่งของกอ.กทม.ออกจากตำแหน่งและเรียกค่าเสียหาย 40 ล้าน
กรณีการฟ้องร้องเกิดจากนายมนูญพันธ์ รัตนเจริญ ได้ร้องเรียนต่อคณะกรรมการอิสลามประจำกรุงเทพมหานคร ประมาณปี 2553 ระบุว่า อิหม่ามมัสยิดต้นสนขณะนั้น มีพฤติการณ์ที่นำมาซึ่งความเสียหายต่อมัสยิด บกพร่องต่อหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและประโยชน์ของมัสยิด ซึ่งกอ.กทม.ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาไต่สวน ต่อมาได้มีมติปลดนายพัฒนา ออกจากตำแหน่งอิหม่าม นายเฟาซันได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการกลางฯ ซึ่งกอท. มีมติยืนตามมติกอ.กทม.
นายพัฒนา จึงได้ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งธนบุรี ฟ้องกอ.กทม. 21 คนและฟ้องกรรมการกลางฯ 18 คน รวม 40 คน เรียกค่าเสียหาย 40 ล้านบาท โดยระบุว่า การถอดถอนออกจากตำแหน่งไมาชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกลั่นแกล้ง ทำให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จากบุคคลทั่วไป เป็นการละเมิด โดยศาลชั้นต้นพิพากษาให้ นายพัฒนา ชนะคดี แต่ศาลอุทธรณ์ ได้กลับคำพิพากษา และศาลฎีกาได้ยืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ เห็นว่า มติของ กอ.กทม. และกอท. ชอบด้วยกฎหมาย ระเบียบและหลักการศาสนา
ในการแถลงข่าวของทั้ง 3 คน ใช้เวลา ประมาณ 2 ชั่วโมจากเวลาประมาณ 14.16 น.ถึงเวลา 16.oo น.กว่า โดยนายสมัย ได้ย้อนอดีตความเป็นมาของมัสยิดต้นสน เมื่อครั้งกรุงศรีอยุธยา รวมทั้ง บอกว่า ต้นตระกูล เป็นคนต้นสน ทวดเคยเป็นสัปบุรุษมัสยิดต้นสน
“ทวดผมนายซอและ เจริญช่าง เป็นสัปบุรุษมัสยิดต้นสน แต่ได้ย้ายไปหนองจอก ในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ที่มาพูดไม่ได้เป็นการกล่าวอ้าง เพื่อให้ได้รับประโยชน์และผลตอบแทนใดๆทั้งสิ้น” นายสมัย กล่าว
นายสมัย ได้เล่าประวัติการออกกฎหมายเกี่ยวกับอิสลามและมัสยิด เพื่อชี้ให้เห็นว่า มัสยิดมีการกกำกับดูแลโดยคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด การถอดถอนอิหม่ามออกจากตำแหน่ง จึงเป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และให้โอกาสทั้ง 2 ฝ่ายในการชี้แจงหลักฐาน
“มัสยิดต้นสนมีปัญหา เนื่องจากมีกรรมการไม่ครบตามที่กฎหมายกำหนด จากการที่คอเต็บ บิหล่านเสียชีวิต ตามกฎหมายจะต้องมีกรรมการไม่น้อยกว่า 9 และๆม่เกิน 15 คน ซึ่งคอเต็บ บิหล่าน เป็นส่วนประกอบของกรรมการตามตำแหน่ง ได้มีความพยายามให้มีการเลือกตั้งกรรมการ แต่มีการโตแย้งเรื่องรายชื่อสัปบุรุษ ต่อมาได้มีร้องเรียน จึงได้มีการพิจารณาการร้องเรียน โดยกอ.กทม. ให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
“ตอนที่มีการอุทธรณ์ ตอนนั้น ผมเป็นรองประธานกอท. คนที่ 1 นายพัฒนา ยื่นภายหลังจากที่กฎหมายกำหนด แต่ผมบอกให้รับไว้ และในการเพิ่มพยาน ผมก็บอกให้เพิ่มพยานได้ ในวันลงมติ ผมได้ออกนอกห้องประชุม ไม่ทราบผลการประชุมเลย จนมาลงนามรับรองการรายงานการประชุมในเดือนถัดมาจึงทราบว่า มีมติยืนตามกอ.กทม.” นายสมัย กล่าว
ขณะที่นายอะหะหมัด ซึ่งมีเสียงติดขัดเล็กน้อยในตอนเริ่มต้นแถลง ได้กล่าวยืนยันในการให้โอกาส นายพัฒนาในการชี้แจง ถึง 3 ครั้ง
“นายพัฒนา อ้างว่า ป่วยไม่มาชี้แจง ซึ่งคณะทำงานเห็นว่า ไม่น่าที่ะป่วยถึงขั้นไม่สามารถให้การได้ จึงได้ลงมติ ตามสำนวนการสอบสวนเท่าที่มีอยู่ ซึ่งศาลก็บอกว่า เราให้โอกาสมากแล้ว ซึ่งถ้าเป็นศาลกรณีคู่กรณีไม่มาให้การครั้งเดียวไม่ไปให้การจบเลยศาลพิพากษาได้เลย แต่เราเป็นองค์กรอิสลาม จึงพยายามอะลุ่มอล่วย ให้โอกาสอย่างดีที่สุดแล้ว และในเรื่องนี้ ศาลก็บอกว่า เป็นการประวิงเวลาด้วย” นายอะหะหมัด กล่าว
“หลังคำพิพากษา คณะของกอ.กทม.ได้เดินทางไปมัสยิดต้นสน เพื่อนำหนังสือไปมอบให้นายพัฒนา ให้ส่งมอบข้อมูลของมัสยิด และปรึกษาหารือในการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป แต่มีสื่อมุสลิมบอกว่า เราจะไปยึดมัสยิดต้นสน ถือเป็นการบิดเบือนความจริง รวมทั้งมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มกล่าวอ้างและให้ข่าวผ่านสื่อว่า กอ.กทม.ขาดคุณสมบัติ พ้นจากการเป็นกอ.กทม.แล้วนั้น ก็ไม่เป็นความจริง คำพิพากษาของศาลฎีกา เป็นสิ่งยืนยันได้ การกล่าวว่า กอ.กทม.ขาดคุณสมบุติจึงไม่เป็นความจริง” นายอะหะหมัด ขามเทศทอง กล่าว
เมื่อถามว่า ตามที่การร้องเรียนว่า นายพัฒนา ได้สร้างความเสียหายให้กับมัสยิด หลังมีการถอดถอนได้มีการเข้าไปตรวจสอบและพบความผิดอะไรหรือไม่ นายอะหะหมัด กล่าวว่า หลังมีการถอดถอนแล้ว ได้มีการแต่งตั้งบุคคลไปรักษาการ ได้มีการทำหนังสือถึงนายพัฒนาอย่างเป็นทางการให้ส่งมอบ โดยเจตนาเพื่อดำเนินการให้ถูกต้อง ใหมัสยิดต้นสนได้รับประโยชน์ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ โดยที่นายพัฒนาไม่ยอมรับคำสั่ง มีการยื่นอุทธรณ์ แต่เราได้เข้าไปทำแล้ว แต่ผลยังไม่ประสบความสำเร็จ รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่างๆ อาจจะมีปัญหา แต่เรายังไม่ทราบ เมือ่อถามย้ำว่า ความผิดไม่ชัดเจนแต่ได้ลงมติไปแล้ว นายอะหะหมัด กล่าวว่า ชัดเจนแล้วจึงได้มีคำสั่ง เราไม่มีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบว่าเสียหายอะไรบ้าง สิ่งที่เราทำคือทำเท่าได้รับข้อมูลได้รับคำให้การจากพยานเอกสาร ถามว่าย้ำว่า เหมือสหรัฐฯ บุกอิรักหรือไม่
ขณะที่นายสมัย กล่าวว่า เท่าที่มีข้อมูลมัสยิดต้นสน มีการเวนคืนที่ดิน จากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ การรับค่าเวนคืน หรือการตอรองค่าเวนคืน จะต้องมีมติคณะกรรมการมัสยิดลงมติ เมื่อไม่มีคณะกรรมการมัสยิด จึงไม่สามารถดำเนินการได้ทำให้มัสยิดเสียประโยชน์
เมื่อถามว่า หากมีการเลือกตั้งอิหม่ามใหม่นายพัฒนา สามารถลงสมัครได้หรือไม่ นายอะหะหมัด กล่าวว่า เป็นไปตามมาตรา 7 ตามพ.ร.บ.บริหารกิจการอิสลาม 2540
สำหรับพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว ในมาตรา 7 ได้กำหนดคุณสมบัติไว้ 10 ประการ ไม่ได้กำหนดคุณสมบัติกรณีถูกถอดถอนจากตำแหน่ง เพียงแต่กำหนดไว้ในข้อ 4 ว่า เป็นบุคคลที่ปฏิบัติตามหลักการอิสลามอย่างเคร่งครัด
สำหรับการแถลงข่าวของกอ.กทม. มีผู้เข้าร่วมรับฟังประมาณ 100 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุน กอ.กทม. มีสื่อมวลชนไปร่วมเพียงไม่กี่คน เป็นที่น่าสังเกตุว่า นายวิรัตน์ กัลยาศิริ อดีต ส.ส.สงขลา มือกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เข้าร่วมรับฟังด้วย และก่อนจะขึ้นแถลงข่าวนายสมัย ได้พูดคุยกับนายวิรัตน์ ครู่หนึ่งด้วย