“เศรษฐา”ลั่น! เลอะเทอะ สูตรพท. จับมือ พปชร. มอง”บิ๊กตู่” ลดบทบาท ดีแล้ว

‘เศรษฐา’ ชี้ ‘ก้าวไกล’ ชิงเปิดตัว ‘ปดิพัทธ์’ นั่งประธานสภาถือเป็นสิทธิ แต่การตกลงภายในเงียบๆ จะดีกว่า เชื่อคนทั้งสองพรรครู้ว่าอะไรควรพูดไม่ควรพูด บอก ‘ประยุทธ์’ ประกาศลดบทบาทการเมืองเป็นสิ่งที่คนอยากเห็น ลั่นสูตร ‘เพื่อไทย’ จับมือ ‘พปชร.’ ตั้งรัฐบาล ‘เลอะเทอะ’

วันที่ 1 ก.ค.2566 ที่ จ.นครพนม นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เปิดตัว นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เป็นแคนดิเดตประธานสภา ว่าถ้าตกลงได้ว่าเป็นของพรรค ก.ก.ก็เป็นสิทธิของนายพิธาและพรรค ก.ก.ที่จะเสนอใครก็ได้ ซึ่งเข้าใจว่านายพิธาเดินทางไป จ.พิษณุโลก พอดี

ส่วนเหมาะสมหรือไม่ที่มีการเปิดตัวขณะที่ยังพูดคุยกันระหว่างสองพรรคยังไม่ชัดเจนนั้นก็ถือเป็นสิทธิของพรรค ก.ก.ที่จะให้สาธารณชนรับรู้ว่าจะให้นายปดิพัทธ์เป็นประธานสภา แต่สำหรับพรรค พท.ไม่มีสิทธิที่คิดจะเปิดตัวแคนดิเดตประธานสภาในลักษณะแบบเดียวกัน เพราะคิดว่าการตกลงกันภายในเงียบๆ น่าจะดีกว่า

เมื่อถามว่า พรรค พท.เปิดตัวแคนดิเดตชิงตำแหน่งประธานสภากลับโดนทัวร์ลง ในระหว่างที่พรรค ก.ก.และพรรค พท.ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่รู้ว่าทัวร์ลงคืออะไร แล้วแต่จะคิด เราควรเน้นที่จุดมุ่งหมายมากกว่า เพราะเดี๋ยวตำแหน่งประธานสภาก็จะชัดเจนแล้ว และเดินหน้าต่อไปในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

ถามย้ำว่า มองว่าทั้งสองพรรคการเมืองควรหยุดออกมาให้สัมภาษณ์เพื่อลดความขัดแย้งและไม่ให้บานปลายได้หรือไม่นั้น นายเศรษฐากล่าวว่า เราอยู่ในสังคมประชาธิปไตย ก็มีสิทธิเสรีภาพในการพูด แต่เชื่อว่าหลายคนทราบว่าเวลาไหนควรพูด เวลาไหนไม่ควรพูด

เมื่อถามว่า หากวันโหวตนายกรัฐมนตรี นายพิธาไม่สามารถได้เป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่การโหวตในครั้งแรก จะมีทางออกอย่างไรนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า คงมีสิทธิเสนอได้อีก แต่ส่วนตัวไม่แน่ใจนักและไม่ทราบกระบวนการทางรัฐสภาว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกรกฎาคมหรือไม่ ซึ่งอยากขอให้เป็นไปทีละขั้น และเป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลจากฝ่ายประชาธิปไตยได้โดยเร็ว เนื่องจากมีเรื่องงบประมาณปี 2567 ที่ต้องคำนึงถึงด้วย

เมื่อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าจะลดบทบาททางการเมืองลง เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการนั้น นายเศรษฐากล่าวว่า ถือว่าเหมาะสม เพราะประชาชนก็อยากเห็นเช่นนั้น เนื่องจากเป็นรัฐบาลรักษาการก็ขอให้เปลี่ยนผ่านไปด้วยดี ไม่มีผิดใจกัน หรือมีประเด็นอะไรเกิดขึ้น ซึ่งหาก พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจลดบทบาททางการเมืองลงจริงก็จะช่วยลดความเผ็ดร้อนและความรุนแรงลงได้

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่านายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. มองว่าเหมาะสมหรือไม่นั้น นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นสิทธิของเขา เพราะแต่ละพรรคก็มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่พรรค ก.ก.และพรรค พท.อยู่ฝั่งประชาธิปไตย ดังนั้น จะเรียกพรรค พปชร.ว่าอะไรก็เรียกไป การออกมาพูดเช่นนี้ก็ต้องดูคะแนนเสียงด้วย คงเป็นเรื่องของการเมือง และตอนนี้ขอโฟกัสที่เรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล

ต่อข้อถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ประวิตรจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 นายเศรษฐากล่าวว่า “ลองนับเลขดู เพราะเลขไม่ได้เป็นหลักล้าน ใช้แค่มือนับก็ได้แล้ว” ถามย้ำว่า มองอย่างไรที่มีกระแสข่าวสูตรในการจัดตั้งรัฐบาลที่พรรค พท.จับมือกับพรรค พปชร. นายเศรษฐากล่าวว่า “มองว่าเลอะเทอะ ถามกี่ครั้งก็จะตอบว่าเลอะเทอะ”