“ปลอดประสพ” หย่าศึก “ก้าวไกล-พท.” ชนะศึกไม่พอ ต้องชนะสงครามด้วย

132

“ปลอดประสพ สุรัสวดี” อดีตรองนายกฯ สมัยนายกฯ”ยิ่งลักษณ์” ออกมาหย่าศึก “ก้าวไกล-เพื่อไทย” แนะ “ชนะศึกไม่พอต้องชนะสงครามด้วย” ดังนั้นต้องหยุดต่อว่า ด่าทอ กันในที่สาธารณะ

วันที่ 24 มิ.ย.66 ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ชนะศึกไม่พอต้องชนะสงครามด้วย ผมพักอยู่ที่บ้านริมแม่น้ำปิง เชียงใหม่ นั่งมองสายน้ำที่ถาโถมฟันฝ่าหินกรวดทรายที่ปิดลำน้ำประหนึ่งกระแสประชาธิปไตยที่กำลังฟันฝ่าระบบทรราชย์กระนั้น จึงคิดถึงการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการสืบทอดอำนาจที่กำลังเกิดอยู่ในขณะนี้

ในชีวิตการเมืองของผม 18 ปี พวกผมชนะศึกหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็แพ้สงคราม พรรคไทยรักไทยโดยท่านนายกทักษิณชนะศึก 2 ครั้งได้เป็นรัฐบาลแต่ก็มาแพ้การปฏิวัติของพล.อ.สนธิ พรรคพลังประชาชนโดยท่านนายกสมัครและท่านนายกสมชายก็ชนะศึกเป็นรัฐบาลต่อเนื่องกันมา แต่ก็มาจบด้วยคำพิพากษา พรรคเพื่อไทยของท่านนายกยิ่งลักษณ์ก็ชนะศึกเป็นรัฐบาลแต่ก็มาถูกทำลายโดยการปฎิวัติของผู้ใต้บังคับบัญชาพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งได้กล่าวในช่วงการยึดอำนาจว่า ได้แอบวางแผนมา 3ปีแล้ว

นี่เป็นข้อเตือนใจของฝ่ายประชาธิปไตยทุกคนว่า การชนะศึกเพียงชั่วคราวไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งที่พวกเราต้องการคือการชนะสงครามเท่านั้น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาประเทศและอุ้มชูประชาชนให้ดีกว่าเดิมอย่างถาวรและมั่นคง การชนะสงครามเป็นการปิดประตูรัฐประหารอย่างถาวร จะทำให้สามารถแก้ไขกติกาการปกครองให้เป็นนิติรัฐ และบ้านเมืองถูกปกครองด้วยระบบนิติธรรม

ชัยชนะครั้งนี้ของพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยและพรรคฝ่ายประชาธิปไตยจนได้ ส.ส.312 คนด้วยการสนับสนุนของมวลมหาประชาชนมากถึง 24 ล้านคนใน 32 ล้านคนที่มาออกเสียงนับว่า สูงมากแบบไม่เคยมีมาก่อน ดังนั้นทุกคน ทุกพรรค จะต้องประคับประคองซึ่งกันและกัน ต้องโอภาปราศรัย ต้องไม่คิดเล็กคิดน้อย เป้าหมายคือการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และรีบทำงานให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด โอกาสอย่างนี้ไม่มีอีกแล้ว หากหลุดมือไปก็ไม่รู้ว่า วันใดจะกลับมาอีก พรรคก้าวไกลได้ชนะที่หนึ่งแล้ว ได้อะไรมากแค่ไหนก็ยังเป็นผู้นำ ผู้ชนะ อยู่วันยังค่ำ สำหรับพรรคเพื่อไทย ก็ต้องกล้ำกลืนความผิดหวังให้ได้ ที่ได้มา 141 คนจาก 10 ล้านเสียงก็ถือว่า มากในสถานการณ์วันนี้ ดังนั้นควรเปิดโอกาสให้เด็กๆทำงานให้มากที่สุด เพราะวันนี้การเปลี่ยนแปลง(Change)คือสิ่งที่ประชาชนเขาต้องการ

ผมและเพื่อนๆหลายคนในพรรครู้ตัวว่า มีอายุมากแล้ว จึงตั้งใจจะอยู่ข้างหลังเพื่อคอยให้กำลังใจและให้คำปรึกษาเท่าที่มี ให้คนรุ่นใหม่เจ้าของอนาคตได้ทำงานอย่างเต็มที่ตามที่หวังไว้ ขอให้ใจเย็น ค่อยพูดค่อยจา ไม่จำเป็นก็อย่าด่าว่าตัดพ้อกันในที่สาธารณะเลย ขอบคุณครับและขอให้โชคดี”