แม่ทัพภาค4 ฮึ่ม!‘ไอ้โม่ง’ขบวนนักศึกษาแห่งชาติปัตตานี เคลื่อนไหวขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ลั่นประชามติแยกเอกราชทำไม่ได้ ละเมิดกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดน ภัยความมั่นคงแห่งรัฐ
12 มิถุนายน 2566 ความคืบหน้ากรณีขบวนการนักศึกษาแห่งชาติ จัดปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “การกำหนดอนาคตตนเอง” เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา จนเป็นที่สนใจในสังคมโซเชียลอย่างกว้างขวาง โดยภายในงานได้มีการจัดพิมพ์บัตรเพื่อลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราชออกจากประเทศไทยได้อย่างถูกกฎหมายนั้น
พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า ได้ตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าทั้งหมดตั้งแต่เริ่มเปิดประชุมสัมมนา ได้สอบถามเจ้าหน้าที่ทางกฎหมายทุกส่วนนั้น มีแนวโน้มจะเบี่ยงเบนต่อการทำผิดกฎหมาย ได้ดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมายหาพยานหลักฐานที่ชัดเจนอย่างครอบคลุม รอบคอบ และตรงไปตรงมา เพราะข้อมูลที่ได้มานั้นทิศทางค่อนข้างที่จะสุ่มเสี่ยงไปในทางที่ผิดกฎหมาย ในเรื่องของมาตราที่ 1 ที่ได้ระบุว่า “ประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ละเอียดละอ่อน กระทบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกระทบสภาพจิตใจประชาชนคนไทย กว่า 77 ล้านคน
พล.ท.ศานติ กล่าวว่า ทาง กอ.รมน.ภาค 4 สน. พร้อมให้ความเป็นธรรม ถูกต้อง ยึดหลักของความยุติธรรม รวมถึงการรวบรวมข้อมูลในเรื่องของการประชุมในวันนั้น ในส่วนที่เกี่ยวข้องมีใครบ้าง ได้รวบร่วมรายงานข้อมูลส่งไปยัง สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)แล้ว ก็ต้องดูว่ารัฐบาลจะดำเนินการไปในทิศทางไหน เพื่อให้เข้าใจทั้ง 2 ฝ่ายเพราะมั่นใจว่าที่ที่เราอยู่ตรงนี้ คือประเทศไทย เราคือคนไทยด้วยกัน
แม่ทัพภาคที่ 4 ชี้แจงถึงการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน รวมทั้งแนวทางการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ร่วมกิจกรรมหรือผู้ที่อยู่ในข่ายความผิดว่า ต้องดูว่ากลุ่มเยาวชน พรรคการเมือง ทั้งคนที่รู้จักในแวดวงต่าง ๆ ในพื้นที่นั้น ซึ่งตรงนี้มีหลักฐานที่ชัดเจน ในส่วนของเยาวชนก็มั่นใจว่าเยาวชนอาจจะฟังข้อมูลที่ผิดๆ หรืออาจจะมีการชักจูง และคล้อยตามกับสิ่งที่รับฟังมา โดยจะนำหลักนิติศาสตร์เข้ามาช่วยด้วยในส่วนนี้ และต้องสร้างความตระหนักรู้ให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง คุยกันด้วยเหตุและผล และจะมีกรณีใดบ้างที่เข้าข่ายนี้ ในส่วนเรื่องของผู้ที่ชักจูงให้เข้าร่วมการประชุมสัมมนาฯ นั้น เจ้าหน้าที่เร่งหาข้อมูลหลักฐาน เมื่อผิดจริงก็ต้องเข้าสู่ขั้นตอนทางกฎหมาย รวมถึงชี้แจงสร้างความเข้าใจกับประชาชน และก็ทราบดีว่ากระแสปัจจุบันตีกลับมาว่า ที่ต้องการลงประชามติฯนั้นเป็นไปไม่ได้
“มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการแบ่งแยกประเทศ โดยได้มอบหมายให้ พล.ต. ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รอง มทภ.4 / รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน. เป็นผู้รับผิดชอบในการดูแลขับเคลื่อนในเรื่องนี้ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ ขอฝากพี่น้องประชาชนช่วยทำความเข้าใจด้วยเหตุและผล ยึดกฎกติกาของบ้านเมือง แนะนำบุตรหลานของท่านที่อยู่ในประเทศไทยว่ายืนการลงประชามติเพื่อแยกตัวเป็นเอกราช ไม่สามารถกระทำได้ เพราะเป็นการละเมิดกฎหมายและบูรณภาพแห่งดินแดนและเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งรัฐ และที่สำคัญเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ให้ความสำคัญกับประชาชนทุกส่วนด้วยดีมาเสมอ จากนี้ไป กอ.รมน.ภาค 4 สน. ต้องเร่งสร้างความเข้าใจต่อพี่น้องประชาชนและกลุ่มที่มีความเห็นต่างในด้านนี้ให้ยกเลิกการกระทำ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกระทำได้และผิดต่อหลักกฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย” พล.ท.ศานติ กล่าว