รมว.พาณิชย์ ไม่ขัดข้องหากรัฐบาลใหม่จะนำโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิด ไปใช้ช่วยเกษตรกร ย้ำตลอด 4 ปี ประสบผลสำเร็จสูง เกษตรกรส่วนใหญ่พอใจ ไร้ปมทุจริต ภาครัฐไม่ต้องมาดูแลรักษาสินค้าเกษตร แม้จะใช้เงินหลายแสนล้านบาท ถือว่าคุ้มค่า แต่สุดท้ายอยู่ที่รัฐบาลชุดใหม่จะพิจารณา
วันที่ 4 มิ.ย.2566 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รักษาการณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า จากนโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกพืช 5 ชนิด ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปาล์มน้ำมัน และยางพารา ตลอด 4 ปี ถือเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ประสบผลสำเร็จอย่างสูง เกษตรกรทั่วประเทศพอใจ แม้ไม่มีผลผูกพันรัฐบาลต่อไป ดังนั้น จึงจะขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ว่าจะสานต่อนโยบายนี้หรือไม่ หากสานต่อสามารถดำเนินการต่อได้ทันทีตามกระบวนการที่ได้ทำมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ที่สำคัญนอกจากประสบความสำเร็จแล้ว ไม่พบการทุจริตคอร์รัปชัน หรือเงินตกหล่น เพราะ ธ.ก.ส. ได้โอนเงินส่วนต่างให้เกษตรกรโดยตรง ซึ่งรัฐบาลใช้งบประมาณส่วนนี้ 4 ปีกว่ารายแสนล้านบาท แต่ถือใช้งบประมาณชดเชยอย่างคุ้มค่าที่สุด
“หากไม่มีการสานต่อโครงการประกันรายได้เกษตรกรก็จะยุติลง ทำให้เกษตรกรมีรายได้ทางเดียว จากการขายสินค้าเกษตรตามราคาตลาด หากราคาดีเกษตรกรก็มีรายได้ที่ดี แต่ถ้าหากราคาตกต่ำ รายได้น้อยลง ไม่มีเงินชดเชยส่วนต่าง แต่หากมีการสานต่อนโยบายประกันรายได้ถือเป็นผลดี ซึ่งตนไม่ขัดข้องหากรัฐบาลชุดใหม่จะนำโครงการประกันรายได้นี้ไปใช้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรโดยตรง หากเปรียบเทียบกับโครงการรับจำนำนั้น ตนไม่ได้มีเจตนาจะวิจารณ์พรรคการเมือง แต่จะมีภาระมาก เช่น การจัดเก็บที่ต้องไปเช่าโกดัง รวมทั้งดูแลไม่ให้เสื่อมสภาพ และมีช่องให้เกิดปัญหาทุจริต ซึ่งที่ผ่านมามีบทเรียนแล้ว และปัญหายังไม่จบสิ้นจนถึงขณะนี้” นายจุรินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นหน้าที่ของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งมีสิทธิโดยชอบในการเลือกดำเนินนโยบาย ซึ่งต้องผูกพันกับสิ่งที่หาเสียงไว้ และผูกพันหลังมีการแถลงต่อรัฐสภา โดยรัฐบาลชุดปัจจุบันได้ทำงานเต็มที่ จะเห็นได้จากราคาสินค้าเกษตรดีทุกตัวมีผลงานเป็นรูปธรรมชัดเจน และโปร่งใส.