สหพันธ์ขนส่งฯ มอบ46 ชื่อ ส่วยสติ๊กเกอร์ ให้ ก.ก.ชี้ เคยขอภาครัฐแก้ แต่ไม่ร่วมมือ

สหพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย หอบหลักฐานส่วยสติ๊กเกอร์รถบรรทุก มอบ ‘ก้าวไกล’ พ้อที่ผ่านมาส่งข้อมูลให้รัฐ ทั้ง กรมทางหลวง กรมการขนสา่งฯ แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ ทำให้ข้อมูลรั่วไหล

วันที่ 1 มิ.ย.2566 ที่พรรคก้าวไกล นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยระหว่างเข้าพบ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคก้าวไกล ว่า การเข้าพบและประชุมร่วมกับพรรคก้าวไกลในครั้งนี้ เนื่องจากปัญหาเรื่องส่วยรถบรรทุกและการคอรัปชั่น เป็นสิ่งที่สั่งสมมาอย่างยาวนาน ด้วยปัจจัยหลายอย่าง อาทิ ราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนด้านการขนส่งเพิ่มขึ้น จึงเกิดการแข่งขันทางธุรกิจอย่างรุนแรง ด้วยเหตุดังกล่าว การบรรทุกน้ำหนักเกินกว่าพิกัด ที่กฎหมายกำหนดจึงเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดความเสียหายกับถนนและสะพาน ที่นำไปสู่การสูญเสียงบประมาณจำนวนมหาศาลและปัญหาดังกล่าวมีแนวโน้มว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงส่วยรถบรรทุกที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในรูปแบบต่างๆ

“ก่อนหน้านี้ สหพันธ์ฯ ได้ขอเข้าพบผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางบก เพื่อหารือแนวทางความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาส่วยรถบรรทุก แต่ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐเท่าที่ควร ข้อมูลเบาะแสรั่วไหล ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง” นายอภิชาติ กล่าว

นายอภิชาติ กล่าวว่า แต่ปัจจุบันพรรคก้าวไกล ได้มอบหมายให้ นายวิโรจน์ และทีมงานเข้ามาช่วยผลักดันการแก้ไขปัญหาส่วยรถบรรทุกอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม ทางสหพันธ์ฯ จึงอยากเข้ามามีส่วนร่วมในการช่วยให้ข้อมูลที่เรามีอยู่จำนวนมาก อาทิ รายชื่อเจ้าของสติ๊กเกอร์กว่า 46 ป้าย เป็นต้น เพื่อเป็นประโยชน์และนำไปสู่การขยายผลในการกำจัดปัญหาเหล่าในหมดไป โดยหลังจากนี้หากมีการนัดหมายหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง จะมีผู้แทนจากสหพันธ์ฯ และผู้แทนจากพรรคก้าวไกล ร่วมหารือด้วยทุกครั้ง เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาส่วยรถบรรทุกร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

นอกจากนี้ ทางสหพันธ์ฯ ขอเป็นกำลังใจให้พรรคก้าวไกลและพรรคร่วม สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้สำเร็จได้โดยเร็ว และขอให้สมาชิกวุฒิสภาเคารพฉันทามติของประชาชนด้วย เพื่อให้คนที่ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน ได้เริ่มขับเคลื่อนประเทศและเศรษฐกิจที่ทรุดตัวลงกว่า 10 ปี ให้ฟื้นกลับคืนมาอีกครั้งได้ต่อไป