“บิ๊กตู่” ยังทำหน้าที่นายกฯ แต่ รับแขก บนตึกไทยคู่ฟ้า ยังไม่มีภารกิจ ที่นักข่าวจะได้เจอ วันนี้ คุย ทูตโปแลนด์ฯ มาอำลา เผย ชื่นชอบ มวยไทย และพร้อมผลักดันแข่งขันใน European Games 2023
นาย Waldemar Dubaniowski เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ ที่ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
โดย นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่า พลเอก ประยุทธ์ ชื่นชมเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ที่มีบทบาทส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-โปแลนด์ ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ตลอดจนเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการเมือง การค้าและการลงทุน การศึกษา และ วัฒนธรรม รวมถึงกลไกความร่วมมือระหว่างรัฐสภา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาพลวัตความสัมพันธ์ระหว่างไทย-โปแลนด์ ทั้งนี้ ไทยยืนยันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับโปแลนด์ในมิติต่าง ๆ ให้ใกล้ชิดทุกด้านต่อไป
เอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาดำรงตำแหน่งในประเทศไทย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ ทั้ง รัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานต่าง ๆ และชาวไทย ได้ให้การต้อนรับและช่วยเหลืออย่างดี จนทำให้การทำงานในไทยเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้ ไทยและโปแลนด์มีความสัมพันธ์ยาวนาน และตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าทีในไทย ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือครอบคลุมหลากหลาย
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อปี 2565 อีกด้วย โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันสานต่อความร่วมมือด้านต่าง ๆ ดังนี้
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยินดี ที่การค้าระหว่างไทยและโปแลนด์มีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2022 รวมถึงการลงทุนระหว่างกันมีมูลค่าสูง และ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดย นายกรัฐมนตรียินดีที่หน่วยงาน Polish Investment and Trade Agency (PAIH) ได้จัดตั้งสำนักงานในไทย และในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตฯ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุน
ด้านเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ยินดีที่การค้าและการลงทุนระหว่างกันมีมูลค่ามากขึ้นแม้มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยนักลงทุนจากไทยและโปแลนด์ต่างสนใจลงทุนซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ในงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2023 เอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ได้ร่วมเปิด Pavilion จัดแสดงสินค้าของโปแลนด์ และได้นำผู้ประกอบการหลายรายจากโปแลนด์เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าด้วย พร้อมกล่าวยืนยัน ผลักดันการค้าและการลงทุนระหว่างกันต่อไป
ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และกีฬา นายกรัฐมนตรียินดี ที่ไทยเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของชาวโปแลนด์ รวมถึงกีฬามวยไทยยังได้รับความนิยมในโปแลนด์ และจะมีการแข่งขันมวยไทยใน European Games 2023 ซึ่งโปแลนด์จะเป็นเจ้าภาพด้วย ด้านเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ แสดงความชื่นชมในกีฬามวยไทยเป็นการส่วนตัว โดยได้มีโอกาสรับชมการแข่งขันมวยไทยในหลายโอกาส พร้อมยินดีที่มวยไทยได้แข่งขันใน European Games 2023 ด้วย
ความร่วมมือด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรีกล่าว ชื่นชมความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของโปแลนด์ ซึ่งที่ผ่านมา นักศึกษาไทยนิยมเดินทางไปศึกษาต่อด้านแพทยศาสตร์ในโปแลนด์มากขึ้น ซึ่งเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ กล่าวว่า โปแลนด์มีความเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ และค่าใช้จ่ายเพื่อศึกษาการแพทย์ของโปแลนด์มีราคาที่เหมาะสม จึงได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ยินดีส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาของทั้งสองประเทศในสาขาดังกล่าวเพิ่มเติมในอนาคต
ความร่วมมือกรอบพหุภาคี นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยเสนอให้ จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo ในปี 2028 ซึ่งจะเป็นเวทีให้นานาประเทศได้นำเสนอทางออก และ แลกเปลี่ยนความร่วมมือสู่ความยั่งยืน จึงขอรับการสนับสนุนจากโปแลนด์สำหรับการเลือกตั้งเพื่อจัดงานดังกล่าวในเดือนมิถุนายน 2023 ณ กรุงปารีส ซึ่งเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ยินดีนำไปสานต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวของไทยต่อไป
ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีต่อความร่วมมือระหว่างไทยกับโปแลนด์ ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ชื่นชมบทบาทด้านมนุษยธรรมของโปแลนด์ต่อผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ความขัดแย้งนี้ โดยไทยได้มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมแล้วกว่า 20 ล้านบาท ผ่านองค์กรด้านมนุษยธรรมและองค์กรระหว่างประเทศต่าง ๆ รวมถึงสภากาชาดโปแลนด์ และได้ช่วยเหลือชาวยูเครนในประเทศไทย อาทิ การขยายอายุการอยู่ต่อในราชอาณาจักร เป็นต้น ด้านเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญต่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน พร้อมหวังว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งนี้จะเกิดสันติสุขโดยเร็ว
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีหวังว่าเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดการพำนักและทำงานในไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นเสมือนบ้านหลังที่สอง พร้อมยินดีต้อนรับเสมอหากกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง ด้านเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ยืนยันสานต่อมิตรภาพระหว่างไทยและโปแลนด์ต่อไปแม้จะหมดวาระ พร้อมกล่าวแสดงความขอบคุณรัฐบาลอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือที่มีมาอย่างต่อเนื่อง