“ชูวิทย์” เตือน “ก้าวไกล” ระวัง โดน “อำนาจพิเศษ” สกัด จัดตั้ง “รัฐบาล”

‘ชูวิทย์’ ชี้ชัยชนะ ‘ก้าวไกล’ จุดจบอำนาจนิยม – รุ่นเก่ามิอาจทนแรงต้านรุ่นใหม่ แต่ยังเป็นห่วง อาจจะมี “อำนาจพิเศษ” คอยสกัด แนะให้ เตรียมจัดตั้งพรรคใหม่ “อนาคตไกล” รองรับล่วงหน้า

วันที่ 14 พ.ค. 2566 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน เขียนบทความ “ชัยชนะของก้าวไกล” เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊ก ดังนี้

จุดจบของ “อำนาจนิยม” มาถึงจนได้ เมื่อประชาชนโหวตคะแนนถล่มทลายให้ฝั่ง “ประชาธิปไตย” แต่แลนด์สไลด์ผิดพรรค แทนที่จะเป็น “พรรคเพื่อไทย” กลับเป็น “พรรคก้าวไกล” ปรากฏการณ์ “ด้อมส้ม” แพร่กระจายเบ่งบานไปทุกภาค ทำลายการเมืองเก่าระบบ “บ้านใหญ่” เช่น ชลบุรี สมุทรปราการ และ อีกหลายที่ทั่วประเทศ นับเป็นการเปลี่ยนหน้าการเมืองอย่างสิ้นเชิง ทั้ง กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ไม่ว่า เชียงใหม่ โคราช มีรายการ “ล้มช้าง” เกิดขึ้น

อย่างที่ผมบอก แม้แต่เขต “บางบอน” ที่รถจักรยานของ “ไอซ์ รักชนก” วิ่งชนะรถโรลส์รอยซ์ของ “วัน อยู่บำรุง” ไปไกล พรรคเพื่อไทยร่วงโรย แม้ไม่แพ้ แต่ไม่เรียกว่าชนะ วันเวลาการเมืองเปลี่ยนก้าวข้ามรุ่น อาการคนใจเสียออก ทั้ง 2 ลุง ปั้นหน้าขอบคุณ คนลงคะแนนอย่างเสียไม่ได้ ส่วนพรรค “ภูมิใจไทย” คงได้บทเรียนว่า การจะเป็นพรรคใหญ่ได้ต้องมีอุดมการณ์ ไม่ใช่นายอนุทิน กับ นายเนวิน จะปั้นพรรคให้ครองใจด้วย “กระสุน มากกว่า กระแส” จึงเข้าใจโลกการเมืองแบบเก่ากันคนละโลกกับการเมืองคนรุ่นใหม่ การไล่ซื้อ “งูเห่า” เข้าสังกัด ผลคือสอบตกหมดทุกคนส่วนกรุงเทพฯ ที่หวังจะมา “ตอกเสาเข็ม” กว้าน ส.ส. เก่าเข้ามาร่วม และ ตระเวนหาเสียงตามสไตล์เดิมๆ แจกกระสุนทุ่ม ตามแบบฉบับดั้งเดิม จึงเสียกระสุนยิงลม หาได้รู้ใจคนกรุงเทพฯ เท่าผมว่า “การเมืองที่พรรคภูมิใจไทยทำ ไม่มีทางได้ ส.ส. กรุงเทพฯ แม้แต่คนเดียว” อีกข้อสังเกตุ ที่ได้ ส.ส. สอบผ่าน ล้วนเป็น ส.ส. เขต ส่วนปาร์ตี้ลิสต์ ได้เพียง 4 คน เพราะคะแนนนิยมพรรคไม่มี เพราะ นายอนุทิน พรรคภูมิใจไทย ยึด “กระสุนมากกว่ากระแส” จึงถูกจำกัดเขตในอิทธิพลของตัวเอง เหมือนพรรคชาติไทยพัฒนา หรือบรรดาพรรคระดับจังหวัดอย่าง “บุรีรัมย์”

การทำการเมืองแบบใจใหญ่แต่ไม่มีสมอง จึงต้องเสียทั้งหน้า เสียทั้งเงิน ตอนหาเสียงมั่นใจ แต่พอผลออกมาหน้าเจื่อนผิดคาด ออกอาการเหมือนคนเล่นไพ่เสียยังไงอย่างงั้น ยิ่งมาเจอการต่อต้านนโยบาย “กัญชาเสรี” จากผม เป็นการปิดเกมคะแนนนิยมพรรคภูมิใจไทย เพราะผลกระทบร้ายต่อสังคมสูง แล้วยังไม่ยอมรับความจริงว่าเป็น “นโยบายที่ไร้ประโยชน์ ทำร้ายเยาวชน” จนทุกพรรคการเมืองที่ผมตระเวนถามล้วนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า “ไม่เอา”

ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ คงถอยหลังกลายเป็นพรรคเล็ก เพราะหัวหน้าพรรค และบรรดาคนเก่าแก่ ไม่ยอมกลับบ้านเสียที แถมโดนพรรครวมไทยสร้างชาติ แตกสาขาออกแย่งคะแนนภาคใต้แบบไม่ไว้หน้า พรรคพลังประชารัฐ ไม่ต้องพูดถึง เพราะเป็นพรรคเฉพาะกิจ ถึงเวลาจบไปพร้อมกัน 2 ลุง จูงมือกันกลับบ้าน พรรคก้าวไกลจะร่วมกับพรรคเพื่อไทย จัดตั้งรัฐบาล และก้าวไปสู่ยุคใหม่ ต่อไปคนรุ่นเก่าจะทนแรงต้านของคนรุ่นใหม่ไม่ไหว ยิ่งนานไปพรรคก้าวไกลจะยิ่งมีคะแนนมากขึ้น เช่นเดียวกับพรรคไทยรักไทยในอดีต

ยกเว้นจะมี “อำนาจพิเศษ” สกัดพรรคก้าวไกล คงต้องเตรียมการจัดตั้งพรรคใหม่ เทียร์ 2 เทียร์ 3 กันต่อไป ตั้ง “พรรคอนาคตไกล” ไว้รอก่อนได้เลยครับ ป้องกันไว้ก่อน เพราะเรื่องของอำนาจไม่มีใครยอมยกให้กันง่ายๆ อยู่แล้ว!