เลขาธิการพรรค”ก้าวไกล” มั่นใจหลังเลือกตั้ง ขั้วประชาธิปไตย ทั้ง “เพื่อไทย” และ “ก้าวไกล” จะได้รับเลือกตั้งมากกว่า 300 คะแนน และ สามารถจับมือร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้
วันที่ 4 พ.ค.2566 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (กก.) กล่าวถึงโพลคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลที่พุ่งขึ้นต่อเนื่องว่า เป็นเป้าหมายที่เราวางไว้ และ ต้องขอบคุณประชาชนที่ตอบรับและเข้าใจสิ่งที่เราพยายามสื่อสารตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สะท้อนว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศต้องการได้นายกรัฐมนตรี ที่ชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคที่ดีที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งถ้าอิงจากนิด้าโพลขณะนี้มีโอกาสที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลจะทะลุ 35 คน ที่เหลือจะเป็น ส.ส.เขต เพราะเรามีเขตยุทธศาสตร์อยู่จำนวน 100 กว่าเขต ดังนั้น เมื่อรวมกันจึงรวมกันถึง 160 ที่นั่งได้
สถานการณ์ในวันนี้ ไม่เหมือนการเลือกตั้งปี 62 ถ้าเราดูแนวโน้มจากโพลต่างๆ ที่ออกมา ประกอบกับโพลของฝ่ายความมั่นคงล่าสุด และโพลที่พรรคการเมืองต่างๆ ทำ สอดคล้องกันหมดในภาพรวม สิ่งที่ต่างมากๆ ในการเลือกตั้งรอบนี้กับรอบปี 62 คือ ขั้วรัฐบาลเดิมจะไม่มีโอกาสที่จะได้ ส.ส.รวมกันเกิน 180 ที่นั่ง ดังนั้นขั้วพรรคฝ่ายค้านเดิมในปี 62 โดยเฉพาะพรรคหลักคือ พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ที่รวมกันมีแนวโน้มชัดเจนที่จะได้ ส.ส.มากว่า 300 เสียงดังนั้นความห่างของพรรคขั้วรัฐบาลปัจจุบัน จะห่างมากๆ ประมาณ 100 เสียง ความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลจึงเป็นไปไม่ได้ และไม่ต้องกังวลด้วยว่าเสียงของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลจะตัดกันเอง แล้วทำให้พรรคอันดับสามขึ้นมาแทรกเพราะสถานการณ์โดยรวมขณะนี้ จากโพลทั้งหมด พบว่าโดยทั่วไปสองพรรคหลัก เฉลี่ยอยู่ที่ 70% ยกเว้นในภาคใต้ที่อาจจะรวมกันแล้วอยู่ที่ 50% ถ้าเป็นปี 62 จะเฉลี่ยอยู่ที่ 50% หมายความว่าเมื่อสองพรรคหลักรวมกันเป็น 70% จะเกิดสถานการณ์เรือล่มในหนอง จะไม่ใช่สถานการณ์ตาอยู่ คือจะได้เสียงร่วมกัน 300 บวก
เพราะฉะนั้นความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลจากเสียงข้างน้อย จากขั้วรัฐบาลเดิมจะเป็นไปได้ยาก ยกตัวอย่างพรรคของ 2 ลุงได้ไม่เกิน 40 เสียงต่อพรรค และยากมากที่จะทำให้ ส.ว.ฝืนมติมหาชน เราจึงยังเชื่อมั่นว่าพรรคจากขั้วฝ่ายค้านเดิมจะได้จัดตั้งรัฐบาลแน่นอน และตอนนี้สำหรับตำแหน่งนายกฯ นายพิธา ขึ้นเป็นที่ 1 อย่างชัดเจน และเชื่อมั่นว่าจะเป็นกระแสแบบนี้ไปจนถึงการเลือกตั้ง ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าถ้าในช่วง 10 วันสุดท้ายถ้าเราทำงานอย่างหนักเข้าถึงประชาชนให้มากที่สุดคะแนนนิยมเราจะพุ่งขึ้นอีก
“สิ่งที่เราเห็นจากเวทีปราศรัยสามย่านมิตรทาวน์ พระราม 2 ภูเก็ต เชียงใหม่ เชียงราย อุดรธานี และชลบุรี เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าออนไลน์และออนกราวน์มีส่วนสำคัญอย่างแยกไม่ออก สำหรับเขตชนบท พี่น้องประชาชนตอบรับนโยบายดีมาก ทั้งนโยบายสวัสดิการ นโยบายปลดล็อกชนบท และปลดล็อกที่ดิน เพราะเป็นเรื่องที่การเมืองในอดีตไม่เคยตอบสนองปัญหาที่ค้างคามา 40 ถึง 50 ปีได้”
นายชัยธวัช กล่าวต่อไปว่า แน่นอนว่าโพลเป็นทิศทางใหญ่ และแต่ละพรรคการเมืองก็ทำโพลในระดับเขตด้วย ตนเชื่อว่าโพลของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลไม่ต่างกัน แต่คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลในพื้นที่ภาคใต้มีมากกว่าพรรคเพื่อไทย ส่วนกระแสภาคพื้นดิน แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ตามโพล 100% แต่จะยังอยู่ในทิศทางเช่นนั้น เราจึงไม่กังวลใจมาก เพราะฐานคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลค่อนข้างแน่นอนไม่สามารถถูกดึงไปได้ด้วยวิธีการใต้ดิน เป้าหมายตอนนี้คือ เราต้องการเป็นฝ่ายเลือก และแน่นอนว่ารัฐบาลก้าวไกลจะไม่มีพรรคของสองลุง
ส่วนเรื่องการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาฐานความผิดหมิ่นประมาทรวมทั้งหมด พรรคก้าวไกลได้ยื่นร่างแก้ไขไว้แล้วในสภา เมื่อสภาเปิดเราจะดำเนินการต่อตามกระบวนการนิติบัญญัติ การจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน สิ่งที่เราอยากเห็นคือการทำข้อตกลงที่เปิดเผยต่อสาธารณะในประเด็นที่ใหญ่ๆ รวมกัน เช่น ต้องมีคำมั่นสัญญาว่าจะจัดการลงประชามติถามประชาชนว่าต้องการจะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงหรือไม่ จะปฏิรูปกองทัพโดยเริ่มต้นจากการยกเลิกการบังคับเกณฑ์ทหาร สุราก้าวหน้า และสมรสเท่าเทียม จะต้องดำเนินการต่อ
นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องการปลดล็อคท้องถิ่นที่สามารถเริ่มได้เลย เช่น การยกเลิกประกาศคำสั่ง คสช. ที่ไปลดอำนาจของท้องถิ่น การแก้กฎกระทรวงมหาดไทย การแก้กฎหมายเพิ่มส่วนแบ่งของภาษีสำคัญให้กับท้องถิ่นและเป้าหมายสุดท้ายที่พรรคก้าวไกลเสนอคือการจัดทำประชามติถามพี่น้องประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ตนคิดว่ามีเรื่องหลักๆ หลายเรื่องที่น่าจะเห็นร่วมกันได้ แน่นอนว่า ข้อตกลงที่จะเป็นวาระของพรรคก้าวไกลจะไปอยู่ในข้อตกลงร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล หรือเอ็มโอยูได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับจำนวนเสียง ส.ส.ของพรรคก้าวไกลเช่นกัน.