แม้ชื่อของ เชาวศิลป์ บุญประเสริฐ หรือ “รองโข่ง” จะปรากฏเป็นกระแสอยู่ระยะหนึ่ง กับการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.เขต 8 นครศรีธรรมราช (ฉวาง-นาบอน-ช้างกลาง-พิปูุน) ในนามพรรคเพื่อไทย ก็ต้องยอมรับความจริงว่า กระแสพอใช้ได้ และ โพลบางสำนักยกให้อยู่อันดับ 1 เมื่อบวกกับกระแสเพื่อไทยทั่วประเทศ ยิ่งส่งแรงบวกให้ “รองโข่ง” มากขึ้น
และต้องเข้าใจตรงกันนะว่า ภาคใต้ไม่ใช่ฐานที่มั่นของเพื่อไทย แม้ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” จะลงไปคลุกอยู่ในพื้นที่นครศรีธรรมราชหลายครั้ง แต่ไม่น่าจะช่วยอะไรก็ได้มากนัก แต่คะแนนพรรคคงมีทุกเขต
แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน การเมืองก็เปลี่ยน ฝ่ายคู่แข่งงัดกลยุทธ์ ขุดวิชาขึ้นมาใช้ น่าจะทำให้กระแสเสียงของ “รองโข่ง” แผ่วลงไปบ้าง เมื่อกระสุนไม่พอ กระแสก็ไม่เกิด ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า การออกเดินพบปะพี่น้องประชาชนในเขตเลือกตั้งแบบ “หามรุ่งหามค่ำ” และ ค่ำไหนนอนนั้น (นอนวัด) ของ “สุนทร รักษ์รงค์” ผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ คู่ไปกับการตั้งวงพูดคุยแลกเปลี่ยนในสไตล์ที่ถนัด ยิ่งทำให้กระแสเสียงของ “สุนทร” ค่อยๆขยับตัวมาดีขึ้น พูดได้ว่าน่าจะอยู่อันดับ 1 แล้วเวลานี้
ด้วยเหตุผลหลายประการ ทั้งความพร้อมของพรรค และตัวผู้สมัคร “สุนทร” บุกหนัก ทั้งงานจัดตั้งแกน งานด้านสื่อ และ โครงการ “สุนทรนอนวัด” 21-25 เมษายน ที่เดินเท้าขอคะแนนถึงบ้านตอนกลางวัน ถึงเวลากลางคืน จัดเวทีเสวนาที่วัด เพื่อรับฟังปัญหา ความต้องการของชาวบ้าน และรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปเสนอพรรคเพื่อทำนโยบายเชิงพื้นที่ถ้า “สุนทร” ใช้วิชาที่ถนัดแบบเต็มแม๊ก เดินเท้าทุกชุมชน เพื่อขอคะแนนเสียง เปิดเวที่ย่อย-เวทีใหญ่ ให้ครบทั้ง5 อำเภอ โอกาส เดินหน้าเข้าสภา ก็มีโอกาสสูง
ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย “มุกดาวรรณ” ม้าตีนต้นเริ่มแผ่ว น่าจะมีปัญหาเรื่องท่อน้ำเลี้ยงร่างกายขาดน้ำเกลือ ย่อมอ่อนเพลียเป็นธรรมดา กล่าวสำหรับเขตนี้ ก็ไม่ควรมองข้าม “น้องบีท” ปุณณ์สิริ บุณยะเกียรติ์ จากประชาธิปัตย์ ลูกสาว “ชินวรณ์” ก็เชื่อว่า จะต้องออกแรงหนัก เพื่อดัน “น้องบีท” ให้แจ้งเกิดทางการเมือง “แทน” ชัยชนะ เดชเดโช ในฐานะเคยเป็น ส.ส.เขตนี้มาก่อนก็ต้องจับมือ “ชิณวรณ์” ช่วย “น้องบีท” อีกแรง เพื่อเดินไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า แต่ต้องแก้ให้ได้กับกระแสไม่เอาประชาธิปัตย์ ไม่เอาการสืบทอดสู่ทายาท เพื่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเขต 8 ก็ต้องจับตาคนรุ่นใหม่ “เรขา ปรีชาวัย” ในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งต้องยอมรับความจริงว่า กระแส “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในภาคใต้นั่นยังเหนียวแน่นอยู่ โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุ 60-70 ยังเอาลุงตู่อยู่
ย้อนกลับไป 2531 พ่อของ “เรขา” เคยลง ส.ส.ผ่านมา 35 ปี ลูกเข้ามารับบทบาทนี้ต่อแล้ว
“ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กพ่อมักสอนให้เราคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองเสมอ บนเส้นทางการเมืองของพ่อ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ หากแต่พ่อได้ทิ้งความทรงจำอันงดงาม และแสนจะยิ่งใหญ่ ว่าวันหนึ่งถ้าเรามีโอกาสที่จะได้ทำเพื่อคนอื่นเพื่อพี่เพื่อน้องเพื่อบ้านเกิดต้องรีบทำ และเราจะต้องไม่ลังเลที่จะทำอย่างเต็มที่ และดีที่สุด วันนี้มีโอกาสเข้ามาหาลูกสาวคนโตของพ่ออีกครั้งแน่นอนที่สุดลูกสาวพ่อคนนี้รีบคว้าโอกาสนี้ไว้” เรขา กล่าว
สถานการณ์เวลานี้ต้องยอมรับความจริงว่า เรขายังเป็นรองอยู่อีกหลายขุม ต้องออกแรงอีกมาก พรรคก็ต้องส่งแรงหนุนเข้าไปช่วยถึงจะเดินไปสู่เป้าหมายได้
โดยสรุปเขต 8 จะเป็นการชิงดำกันระหว่าง “สุนทร” กับ น้องบีท แน่นอน “สุนทร” เดินมาถูกทางแล้ว แต่พรรคต้องส่งเสบียงกรังเข้าไปช่วยมากกว่านี้ แค่เสธฯบางคนเข้าไปจัดการ “ไม่พอครับ”
นายหัวไทร