อุซเบกิสถานทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ในรอบ 30 ปี 30 เมษา เน้นเสรีภาพ การกระจายอำนาจ และการถ่วงดุล

สาธารณรัฐอุซเบกิสถานเตรียมทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ในรอบ 30 ปี ให้ความสำคัญด้านสิทธิมนุษยชน การกระจายอำนาจ การถ่วงดุลระหว่างรัฐสภาและรัฐบาล

ที่ประชุมวุฒิสภาของรัฐสภาแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน(Oliy Majlis) ได้ลงมติในการประชุมใหญ่ เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 เห็นชอบให้มีการลงประชามติในร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ในวันที่ วันที่ 30 เมษายน 2566

การแก้ไขรัฐธรรมของอุซเบกิสถาน เริ่มเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 โดยประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน นายชัฟคัต มีร์ซิโยเยฟ ได้ประชุมร่วมกับสมาชิกของคณะกรรมาธิการรัฐธรรมนูญ ซึ่งก่อนหน้านั้นชสวอุวเบกิสถานได้เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเพื่อให้ทันสมัยมากขึ้น โดยในการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญในการอภิปรายในรัฐสภา ได้ข้อสรุปให้มีการลงประชามติ โดยในการประชุมเมื่อวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2566 ร่างรัฐธรรมนูญได้รับการพิจารณาในสภานิติบัญญัติและได้รับการอนุมัติให้ลงประชามติในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2566 จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญของอุซเบกิสถานได้ตัดสินให้การออกเสียงประชามติเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ในที่สุดวุฒิสภาก็ยืนยันการตัดสินใจนี้และอนุมัติร่างเพื่อส่งไปลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ

ดังนั้น วันที่ 30 เมษายน ผู้มีสิทธิ์เลฃือกตั้งชาวอุซเบกิสถาน จะมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเพื่อแก้ไขปรับปรุงรัฐธรรมนูญในรอบ 30 ปี

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้ได้รับการออกแบบเพื่อเปลี่ยนหลักการของ “รัฐ-สังคม-มนุษย์” เป็น “มนุษย์-สังคม-รัฐ” นั่นคือ “การถือผลประโยชน์ของมนุษย์เหนือสิ่งอื่นใด” ประชาชน พรรคการเมือง องค์กรสาธารณะ ตัวแทนผู้เชี่ยวชาญและแวดวงวิทยาศาสตร์ และปัญญาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงการนี้ โครงการการพัฒนานี้จะกลายเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชนอย่างแท้จริงได้ในระยะสั้น

ในระหว่างการจัดทำร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญ มีการวิเคราะห์เอกสารระหว่างประเทศมากกว่า 400 ฉบับและรัฐธรรมนูญของประมาณ 190 ประเทศอย่างละเอียดถี่ถ้วน ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศชื่นชมโครงการนี้อย่างมาก เนื่องจากเป็นเอกสารที่รวบรวมบรรทัดฐานของกฎหมายระหว่างประเทศที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปทั้งหมด

ขอบเขตของการปฏิรูปวัดเป็นรสถิติได้ว่า ในรัฐธรรมนูญใหม่ที่เสนอ จำนวนบทความเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 128 เป็น 155 มาตรา และจาก 275 หมวด เป็น 434 หมวดโดยร้อยละ 65 ของเนื้อหาในกฎหมายพื้นฐาน ได้รับการปรับปรุงตามข้อเสนอของประชาชน โดยเฉพาะหมวดด้านสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพได้บัญญัติเพิ่มขึ้น 3 เท่าครึ่ง และด้วยเหตุนี้จึงมีเหตุผลทุกประการที่จะรับร่างเป็นรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

รัฐธรรมนูญ ยังกำหนดให้รัฐต้องปฏิบัติตามพันธกรณีใหม่หลายประการเพื่อลดความยากจน จัดหางาน และป้องกันการว่างงาน บรรทัดฐานที่มีภาระหน้าที่ทางสังคมของรัฐจะเพิ่มเป็นสามเท่า

นับเป็นครั้งแรกที่รัฐมีหน้าที่ต้องดำเนินมาตรการเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชากรประเภทที่ขัดสนทางสังคม เพื่อสร้างเงื่อนไขสำหรับการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ของคนพิการในสังคมและรัฐ และการตระหนักถึงสิทธิของพวกเขา
รัฐรับปากที่จะสร้างเงื่อนไขสำหรับการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกและบริการทางเศรษฐกิจและสังคมและวัฒนธรรมต่อคนพิการอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือพวกเขาในการหางานทำและได้รับการศึกษา ซึ่งเป็นการแสดงออกที่ชัดเจนของหลักการรัฐสวัสดิการ

หมวดวาด้วยการให้เสรีภาพทางวิชาการแก่สถาบันอุดมศึกษา สิทธิในการได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษาฟรีโดยรัฐต้องเสียค่าใช้จ่ายในการแข่งขัน และการสนับสนุนขององค์กรพัฒนาเอกชนทางการศึกษาสร้างโอกาสให้คนรุ่นใหม่พัฒนาชีวิตของตนเอง ตระหนักถึงความฝัน ค้นหาสถานที่ในชีวิต และพัฒนาบุคลิกภาพด้วยการเรียนรู้ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่ทันสมัย

ทั้งนี้ ในช่วงหกปีที่ผ่านมา จำนวนมหาวิทยาลัยในอุซเบกิสถานเพิ่มขึ้นจาก 77 เป็น 210 แห่ง การลงทะเบียนเรียนเพิ่มขึ้นห้าเท่า จำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้น 1 ล้านคน และความครอบคลุมของการศึกษาระดับอุดมศึกษาเพิ่มขึ้น จาก 9% เป็น 38% จำนวนเงินช่วยเหลือจากรัฐเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเป็น 40,000 ซึ่งมีแนวโน้มต่อสำหรับการได้รับปริญญาโทถึง 5 เท่า

นอกจากนี้ ยังมีการพิจารณาประเด็นเกี่ยวกับเยาวชนไปสู่ระดับของหมวดแยกต่างหากในรัฐธรรมนูญ บ่งชี้ว่านโยบายเยาวชนมีความสำคัญในนโยบายอุซเบกิสถานใหม่ โดยประชากรอุซเบกิสถานมากกว่า 18 ล้านคนเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว ภายในปี 2583 ตัวเลขนี้จะสูงถึง 25 ล้านคน

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ยังปรับปรุงมีเป้าหมายเพื่อสร้างรัฐสภาที่เข้มแข็ง มีรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบ และระบบตุลาการที่เป็นอิสระและยุติธรรมเพื่อสร้างรัฐที่ให้บริการประชาชน

นอกจากนี้ อำนาจร่วมของรัฐสภายังได้รับการเสริมสร้างความเข้มแข็ง และรัฐธรรมนูญได้กำหนดสถาบันการสอบสวนของรัฐสภาไว้ต่างหาก ซึ่งเป็นรูปแบบพื้นฐานของการควบคุมของรัฐสภาเพื่อเสริมสร้างอิทธิพล สถานที่ และบทบาทของรัฐสภาในสังคม อำนาจบางอย่างของประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอุซเบกิสถานจะถูกถ่ายโอนไปยังรัฐสภา อำนาจของสภานิติบัญญัติและวุฒิสภายังขยายออกไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อำนาจเด็ดขาดของสภานิติบัญญัติเพิ่มขึ้นจาก 5 เป็น 12 ในปัจจุบัน และวุฒิสภา จาก 14 เป็น 18
รัฐธรรมนูญกำหนดให้ “mahalla” (ชุมชนท้องถิ่น) มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างอิสระในการแก้ปัญหาประชากร และสร้างโอกาสทางองค์กรและทางการเงิน
การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เสนอให้โอนอำนาจในการพิจารณาให้ความเห็นชอบผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเป็นอำนาจของสภานิติบัญญัติแต่เพียงผู้เดียว ก่อนส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อสภาล่าง จะมีการแนะนำขั้นตอนตามที่ประธานาธิบดีปรึกษาหารือกับทุกกลุ่มของพรรคการเมือง หลังจากได้รับอนุมัติจากสภานิติบัญญัติแล้ว ประธานาธิบดีจะแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี

โดยสรุป การแก้ไขรัฐธรรมนูญของอุซเบกิสถาน มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มทุนมนุษย์และความรับผิดชอบ ความโปร่งใส ประสิทธิภาพของการตัดสินใจโดยหน่วยงานของรัฐและประสิทธิผลในการดำเนินงาน

Uzbekistan is preparing to hold a referendum on the new Constitution.

The Senate of the Oliy Majlis (Parliament) of the Republic of Uzbekistan at a plenary session (March 14, 2023) approved a resolution on a referendum on the draft law on the Constitution in a new version on April 30, 2023.

Brief history: In June 2022, President of the Republic of Uzbekistan Shavkat Mirziyoyev held a meeting with the members of the Constitutional Commission, during which the initiative of Uzbekistan people to make changes to the current Constitution and consideration of the Constitution’s draft at a national discussion and adopt it by a referendum where discussed.

On 14 March 2023, the draft Constitution was considered in the Legislative Chamber and was approved for submission to a referendum on April 30, 2023. Then, the Constitutional Court of Uzbekistan subsequently ruled that the decision to hold a referendum was constitutional. Finally, the Senate confirmed this decision and approved the draft for submission to a constitutional referendum.

This means that on April 30, Uzbek citizens will vote on the most significant additions and updates to the country’s Constitution in over thirty years.
The new Constitution is designed to change the principle of “state — society — human” to “human— society — state”, that is, “put the interests of man above all.”
The public, political parties, public organisations, representatives of expert and scientific circles, and intellectuals actively participated in the project’s development; in short, the project became a people’s Constitution literally.

During the preparation of the draft Constitutional Law, more than 400 international documents and constitutions of about 190 countries were thoroughly analysed, international experts and specialists highly appreciated the project as a document embodying all generally recognised norms of international law.

The extent of the reforms can be measured in numbers: in the proposed new Constitution, the number of articles has increased from the current 128 to 155, and norms – from 275 to 434. Accordingly, 65 per cent of the text of the Basic Law has been updated based on people’s proposals, the number of specific norms on human rights and freedoms has increased three and a half times, and based on this, there is every reason to adopt the draft as a new version of the Constitution.

The Constitution stipulates that the State will undertake several new obligations to reduce poverty, provide employment and protect against unemployment. Generally, the norms containing the state’s social obligations are tripled.

For the first time, the State is obligated to take measures to improve the quality of life of socially needy categories of the population, to create conditions for the full participation of people with disabilities in society and the state, and the realisation of their rights.
The State undertakes to create conditions for the full use of socio-economic and cultural facilities and services by people with disabilities to assist them in finding employment and obtaining education, which is a vivid expression of the welfare State principle.

The norms on granting academic freedom to higher education institutions, the right to receive free higher education at the expense of the state on a competitive basis, and the support of non-governmental educational organisations create an opportunity for the younger generation to improve their lives, realise their dreams, find their place in life and develop their personality by mastering modern specialities.

It should be noted that over the past six years, the number of universities in Uzbekistan has increased from 77 to 210, enrollment in them has increased five times, the number of students has increased by 1 million, and the coverage of higher education has increased from 9% to 38%. The number of state grants has also doubled to 40,000, of which gifts for obtaining a master’s degree – 5 times.

Bringing the issue of youth to the level of a separate chapter in the Constitution indicates that youth policy is a priority in New Uzbekistan. More than 18 million of the population are young people. By 2040 this figure will reach 25 million.

The updated Constitution aims to create a strong parliament, a compact and responsible Government, and an independent and fair judicial system to build a State that serves the people.

In addition, the joint powers of the chambers of the Parliament are being strengthened, and the Constitution separately establishes the institution of parliamentary investigation, which is a basic form of parliamentary control.

To strengthen the influence, place and role of the Parliament in society, some powers of the President of the Republic of Uzbekistan are transferred to the Parliament. The powers of the Legislative Chamber and the Senate are also significantly expanded; in particular, the absolute powers of the Legislative Chamber are increased from the current 5 to 12, and the Senate – from 14 to 18.

The Constitution provides for granting “mahalla” (local community) independent decision-making powers to solve the population’ and create organisational and financial opportunities for this.

By the draft of the new Constitution, the powers to consider and approve the candidacy of the Prime Minister are proposed to be transferred to the exclusive jurisdiction of the Legislative Chamber. Before submitting the candidacy of the Prime Minister to the lower house of Parliament, the procedure is introduced according to which the President holds consultations with all factions of political parties. After approval by the Legislative Chamber, the President appoints the Prime Minister.

All this aimed to increase human capital and accountability, transparency, the efficiency of decision-making by the state authorities and their effectiveness.