“ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรค พปชร เตือน “สำนักโพล” ระวังผิดกฎหมายเลือกตั้ง ชี้เจตนาไม่บริสุทธิ์ จูงใจให้ปชช.เข้าใจผิดคะแนนนิยมผู้สมัครหรือพรรค โทษจำคุก 1-10 ปี
วันที่ 24 เม.ย. 2566 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏมีสำนักโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในการเลือกตั้งหลายสำนัก ได้ออกมาเผยแพร่ข้อมูลผลสำรวจของสำนักตนเองนั้น มีบางสำนักปรากฏข้อมูลในการเปิดเผยผลสำรวจน่าจะไม่สอดรับกับความเป็นจริงในคะแนนนิยมของผู้สมัคร ส.ส. หรือ พรรคการเมือง ในฐานะนักกฎหมายจึงเป็นห่วงว่า สำนักโพลเหล่านั้นอาจจะมีปัญหาข้อกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 มาตรา 72 การสํารวจความคิดเห็นของประชาชนโดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะเป็นการชี้นํา หรือมีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนนเลือกหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดจะกระทํามิได้
และยังเข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรา 73 ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือผู้ใดกระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น ให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนน ไม่เลือกผู้ใดเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ (5) หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ ใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง
ทั้งนี้ตามมาตรา 72 และมาตรา 73 (5) กฎหมายห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งรวมถึงสำนักโพลต่างๆ กระทําการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ดังนั้นหากสำนักโพลใดฝ่าฝืน พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 มาตรา 73 (5) จะมีบทลงโทษตามมาตรา 159 ต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปี ถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดยี่สิบปี
“ผมจึงแจ้งข้อห่วงใยมายังสำนักโพลต่างๆ ให้ระมัดระวังข้อกฎหมายในเรื่องดังกล่าวข้างต้น เพราะเชื่อว่าจะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปยื่นคำร้องขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบสำนักโพลดังกล่าว ซึ่งสามารถยื่นคำร้องได้จนถึง 30 วันหลังจากวันเลือกตั้ง ก็อาจจะทำให้สำนักโพลบางสำนักอาจมีปัญหาทางกฎหมายได้” นายไพบูลย์ กล่าว