นักวิชาการฟันธง การจัดตั้งรัฐบาลมีแค่2ขั้ว ระหว่าง” อนุรักษ์นิยม-ประชาธิปไตย”

นักวิชาการอิสระ มองการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล จะมีเพียงสองขั้ว คือ “ประชาธิปไตย” กับ “อนุรักษ์นิยม” เท่านั้น พร้อมมั่นใจไม่มีขั้วที่สาม หรือ ขั้วทางเลือกเกิดขึ้นแน่นอน

วันที่ 24 เม.ย.2566 ชัยธวัช เสาวพนธ์ นักวิชาการอิสระ จ.เชียงใหม่ กล่าวถึงการจับขั้วตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง ที่จะมีขึ้นใน วันที่ 14 พ.ค.2566 ว่า พรรคการเมืองมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลเพียง 2 ขั้ว คือ ขั้วประชาธิปไตย นำโดยพรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โดยรวมกับพรรคเสรีรวมไทย (สร.) พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ส่วนขั้วอนุรักษนิยม หรือสืบทอดอำนาจ นำโดยพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พรรคชาติพัฒนากล้า ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค รทสช.

ส่วนพรรคการเมืองที่ต้องการจับขั้วที่ 3 หรือขั้วทางเลือก เพื่อจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้านั้น มีโอกาสน้อยมาก เนื่องจากเป็นพรรคเล็ก มีโอกาสได้ ส.ส.เข้าสู่สภา 10-20 ที่นั่งเท่านั้น ดังนั้นต้องรอพรรคร่วมขั้วที่ 1 และ 2 เชิญเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้น ไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้เอง เพราะพรรค พท.ประกาศชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย หรือแลนด์สไลด์เพื่อจัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียวเท่านั้น อีกทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.ได้ประกาศให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งได้ ส.ส.มากที่สุด เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลก่อน ถ้าไม่สำเร็จ ให้พรรคที่ได้ ส.ส.รองลงมา เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเป็นลำดับถัดไป ตามเจตนารมณ์ประชาชน

หากประเมินวิเคราะห์ผลโพลที่ออกมา สะท้อนว่า ส่วนใหญ่ต้องการรัฐบาลที่มาจากประชาชนตามวิถีทางประชาธิปไตย ไม่ใช่ทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากเลือกตั้งประชาชน ดังนั้น จึงสะท้อนความต้องการผ่านโพลดังกล่าว ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ได้รับรู้และให้โอกาส พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคร่วมรัฐบาลมากแล้ว แต่ไม่มีผลงานเด่นชัด ส่วนใหญ่ไม่ทำตามนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ ทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย ต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล และผู้นำประเทศคนใหม่ เพื่อก้าวไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม และตอบโจทย์ประชาชนได้ตรงจุดมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม มีเสียงสะท้อนจากประชาชนหลายพื้นที่ว่า หลังผลโพลครั้งแรกออกมา ทำให้ผู้สมัคร ส.ส.บางพรรคบางเขต โดยเฉพาะพรรค พท.ไม่ลงพื้นที่พบปะประชาชน ไม่ค่อยออกหาเสียง เพื่อเรียกคะแนนเพิ่ม เพราะมั่นใจผลโพลดังกล่าว ถือเป็นจุดอ่อน พท. เพราะประมาทเกินไป บางเขตอาจเสียแชมป์ หรือเป็น ส.ส.สอบตกได้เช่นกัน ซึ่งผลโพลครั้งแรกได้ส่งสัญญาณเตือน พท.ว่า อาจชนะแต่ไม่แลนด์สไลด์ ถ้ายังไม่แก้ไขปรับปรุงเรื่องดังกล่าว