สนามการเมืองกำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด โดยเฉพาะเรื่องนโยบายที่พรรคการเมืองแต่ละพรรค ต้องโชว์กิ๋น ว่าด้วยนโยบายใครจะเจ๋งกว่ากัน ซึ่งต่างก็งัดกลยุทธ์ต่าง ๆ ออกมา เพื่อให้ประชาชนสนใจและไปลงคะแนนให้
แต่มีการโจมตีกันดิสเครดิตกันไปมา ว่า นโยบายที่ออกมาทำได้หรือไม่ จะหาเงินมาจากไหน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยถูกฟาด ถูกรุม ถูกเตะตัดขา หวังสกัดแลนด์สไลด์ ยิ่งมาช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียง
“อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หนึ่งในสามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคและหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เปิดใจในโค้งสุดท้าย จะพลิกเกมสู้เพื่อแลนด์สไลด์อย่างไร ภายหลังเปิดนโยบายเด็ด ๆ ด้านเศรษฐกิจ ทำเอาสะเทือนทั้งประเทศกับตัวเลขที่สุดปัง ทั้งค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทภายใน 4 ปี เติมรายได้ให้ทุกครอบครัวมีรายได้ขั้นต่ำ 20,000 บาทต่อเดือน และแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้กับทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายภายในรัศมี 4 กิโลเมตร ภายใน 6 เดือน “อุ๊งอิ๊ง” เปิดประเด็นว่า ตอนนี้ได้วางแผนลงพื้นที่เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ซึ่งจะเป็นการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนคลอด และคิดว่าจะคลอดได้ไม่เกินอาทิตย์แรกของเดือน พ.ค. เชื่อว่า ก่อนเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. อาจจะมีโอกาสขึ้นเวทีปราศรัยได้อีกครั้ง ซึ่งก็มีการวางแผนหาเสียงผู้สมัคร ส.ส.กทม และผู้สมัคร ส.ส. ในเขตปริมณฑลไว้แล้ว
นโยบายที่เปลี่ยนชีวิตพี่น้องประชาชน พรรค พท. ทำมาโดยตลอดอยู่แล้ว ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย (ทรท.) เช่น กองทุนหมู่บ้าน หรือ 30 บาทรักษาทุกโรค ทุกวันนี้ก็ยังใช้อยู่แม้ผ่านมา 20 ปีแล้ว ซึ่งก็ถูกโจมตีมาก่อนทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น นโยบายตอนนี้ที่ถูกโจมตีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เราก็พยายามทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการอธิบายรายละเอียดผ่านป้ายหาเสียงป้ายโบรชัวร์ และโซเชียลมีเดียต่างๆ รวมทั้งตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเอง ก็ออกมาอธิบายในเรื่องนี้อยู่ทุกที่ ฉะนั้นเราไม่ได้กังวลใจอะไร อยากจะอธิบายให้พี่น้องประชาชนเข้าใจมากที่สุดมากกว่า อันนี้คือเป้าหมายของเรา
ส่วนกรณีที่ว่าจะมั่นใจพรรค พท. จะได้ตามเป้าหมายสูงสุด 376 เสียง ตามที่คาดหวังไว้หรือไม่นั้น เธอตอบว่า 376 เสียง ก็เป็นตัวเลขที่ฝันว่าอยากจะได้ ที่จริงแล้วพรรค พท. ก็มั่นใจว่าแลนด์สไลด์ประมาณ 300 เสียงขึ้นไป เราก็มั่นใจอยู่เหมือนกัน ส่วนจะถึง 376 เสียง ได้หรือไม่ ก็ต้องแล้วแต่พี่น้องประชาชน ตอนนี้ก็ 300 เสียงขึ้นไป ที่คิดว่าน่าจะพอเป็นไปได้ ส่วนจะการปรับยุทธศาสตร์พรรคช่วงโค้งสุดท้ายอย่างไร เพื่อให้เกิดแลนด์สไลด์จริงๆ ตอนนี้เราต้องสื่อสารกับพี่น้องประชาชนว่า พรรค พท. คือ คำตอบที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ เพราะเราต้องเลือกให้ได้ทั้งคนทั้งพรรค เพื่อมาสู้กับ ส.ว. และเอาชนะกับ “3 ป.” ให้ได้ เราต้องชนะขาดให้ได้มากที่สุด เราไม่ได้มีแต้มต่อ เรามีแค่พี่น้องประชาชนเท่านั้น ที่จะเป็นแต้มต่อของเรา เราก็มาจากศูนย์ ฉะนั้นรักใครชอบใครก็พักไว้ก่อน ถ้าอยากจะเปลี่ยนแปลงจริง ๆ ต้องพรรค พท. เท่านั้น ที่จะเปลี่ยนแปลงได้“วันนี้อิ๊งค์ชัดเจนกับการไม่เอารัฐประหาร ให้เกียรติพี่น้องประชาชน และให้เกียรติการเลือกตั้ง ขณะนี้ยังไม่มีการเลือกตั้ง เราหวังที่จะเป็นพรรคที่สามารถจะจัดตั้งรัฐบาล และตอนนี้ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักอย่างเดียวเลย นี่คือสิ่งที่ไม่อยากพูดออกไป ทั้งที่ยังไม่มีการเลือกตั้ง และพี่น้องประชาชนยังไม่ลงคะแนนให้ นั่นไม่ใช่แนวทางของพรรค พท. แต่แน่นอน เราชัดเจนอยู่แล้ว และชัดเจนมาโดยตลอด วันนี้หลายคนยังบอกว่าไม่ชัดเจน ถ้าวันนี้ยังไม่ชัดเจนก็ไม่รู้วันไหนจะชัดเจนแล้ว”
ส่วนกรณีที่ พรรคก้าวไกล มีกระแสมาแรง จะเป็นพรรคที่น่ากลัวมากกว่าพรรคอื่น ๆ สำหรับพรรค พท. มองอย่างไร “อุ๊งอิ๊ง” ตอบว่า อย่างแรกเลยถ้าเราดูคะแนนพรรค พท. ก็ยังนำอยู่เยอะ แต่ดีใจและน่ายินดี ที่มีความชัดเจนตรงที่ว่าพรรคฝั่งประชาธิปไตย เป็นฝั่งที่คนไทยเลือกแล้ว ส่วนฝั่งที่เป็นเผด็จการ เคยทำรัฐประหารมานั้น คนไม่เอาแล้ว และไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้น หากให้วิเคราะห์พรรคก้าวไกล มีแนวทางทำแคมเปญเลือกตั้งในภาพกว้างและเป็นที่น่าสนใจ ในทางกลับกันก็มีจุดอ่อน เช่น ในการหาเสียงแต่ละพื้นที่ และยังไม่มีผลงานที่สำเร็จยืนยันได้ ซึ่งก็ต่างกับพรรค พท. ในส่วนนี้ เพราะเราเคยทำมาแล้ว พูดแล้ว ทำได้จริง อีกครั้งเราก็เป็นพรรคใหญ่ เพราะฉะนั้นการที่จะสัญญาอะไรกับพี่น้องประชาชน ก็ต้องทำให้ได้ มิเช่นนั้นก็จะเสียเอง
“นโยบายต่าง ๆ และโพลยังนำอยู่มาก ก็น่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วย เพราะพี่น้องประชาชนก็เชื่อว่าทำได้จริง หากวัดกันจริง ๆ แล้ว พรรคก้าวไกลความนิยมก็ยังต่างจากพรรค พท. เยอะพอสมควร แต่ก็ไม่ได้กังวลและไม่ประมาท”ในโพลที่สำรวจมา จะพบว่าคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะคนที่เลือกตั้งเป็นครั้งที่สอง จะให้ความสนใจและสนับสนุนพรรค พท. มากขึ้น ตอนนี้ก็เกินครึ่งแล้ว แสดงว่าแนวทางของพรรค พท. หลังจากรีแบรนด์ได้ผล ต้องบอกว่าเรารีแบรนด์เยอะมาก และก็ได้ผลกับกลุ่มคนรุ่นใหม่จริง ๆ ส่วนช่วงโค้งสุดท้าย เราก็จะเร่งสร้างความนิยมให้มากขึ้น และพยายามสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ให้เยอะกว่าเดิม เนื่องจากคนรุ่นใหม่ชอบการสื่อสารแบบตรงไปตรงมา เชื่อว่าในช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง จะได้ผลตอบรับพอสมควร ส่วนจะร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ ตอนนี้ก็ยังเร็วเกินไปที่จะพูด ซึ่งพรรคเพื่อไทยขอเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวก่อน แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ ปิดกั้น หรือปิดใจ พรรคการเมืองใด ๆ
การเลือกตั้งครั้งนี้ก็สำคัญที่สุด ที่ประเทศไทยจะไปต่อ หรือว่าจะตกลงไปในหลุมดำอีก ดังนั้นอยู่ที่การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของพี่น้องประชาชนว่า 14 พ.ค. นี้ จะกำหนดชีวิตอย่างไร อยากจะเชิญชวนพี่น้องคนไทยทุกท่าน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งมาร่วมการแสดงศักยภาพ ร่วมกันแสดงอำนาจ ด้วยการใช้ปากกาในมือ เปลี่ยนประเทศให้เจริญรุ่งเรืองให้ได้ ให้พี่น้องประชาชน กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น.