“เศรษฐา” แจก เงินดิจิทัล1หมื่นบาท กระตุ้นศก.ได้เท่าเทียมทุกคน ไม่เอื้อใคร

“เศรษฐา ทวีสิน” แจงชัด “เงินดิจิทัล 10,000 บ.” ไม่เอื้อใครทั้งนั้น สามารถขยายขอบเขตได้มากกว่า 7.5 กิโลเมตร หากอยู่ในพื้นที่ห่างไกล จำเป็นต้องออกนโยบายนี้ ให้ทุกคนเท่าเทียมกัน คุ้มค่ากับที่ประชาชนทนทุกข์มากว่า 8 ปี

จากกรณีเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์ หลัง ‘เศรษฐา ทวีสิน’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ประกาศตัวเลขนโยบาย กระตุ้นเศรษฐกิจทั้งประเทศ เติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้ทุกคนใช้จ่ายใกล้บ้านในรัศมี 4 กิโลเมตร ให้กับคนไทยทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เมื่อวานนี้ (5 เม.ย. 2566) บนเวทีเปิดตัว 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

โดยเมื่อวันที่ 6 เม.ย.2566 นายเศรษฐา กล่าวย้ำถึงนโยบายดังกล่าวอีกครั้งว่า การเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ให้ทุกคนใช้จ่ายภายใน 6 เดือนนั้น ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และไม่ใช่กระตุ้นแค่ในเมืองหลวง และเมืองใหญ่เพียงอย่างเดียว เรากระตุ้นถึงเมืองรอง รวมถึงทุกอำเภอ ทุกตำบลของประเทศไทยอีกด้วย

ส่วนกรณีเจ้าของบัตรประชาชนที่ไม่ได้อยู่ตามทะเบียนราษฎร์นั้น เศรษฐา ตอบว่า ไม่สามารถใช้ได้ เพราะเป้าประสงค์ของเรา คือต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วประเทศ และแน่นอนใน 6 เดือน หลายคนที่ได้เงินดิจิทัลนี้ ต้องเดินทางกลับบ้านสักครั้งในห้วงเวลาดังกล่าว เขาก็จะได้เอาเงินดิจิทัลนี้ ไปจับจ่ายใช้สอยในภูมิลำเนา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่

ส่วนกรณีการตั้งข้อสงสัยว่า หากภูมิลำเนาอยู่บนเขาและในรัศมี 4 ตารางกิโลเมตร ไม่มีร้านค้า จะทำอย่างไร เศรษฐา ตอบว่า ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน เราสามารถขยายพื้นที่ได้ ยกตัวอย่างอาจจะได้ถึง 7.5 กิโลเมตร หรือไกลกว่านั้น เพื่อให้การใช้จ่ายครอบคลุมพื้นที่นั้นๆ ได้จริง

ส่วนข้อถกเถียงเรื่องการใช้งบประมาณถึง 500,000 ล้านบาท ในการทำนโยบายนี้ เศรษฐา กล่าวว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐิจครั้งนี้ เป็นการทำครั้งเดียว เพราะเราต้องการให้เกิดการเพิ่มการจับจ่ายใช้สอย ให้แก่ร้านค้าทั้งรายใหญ่ รายย่อย เพื่อเก็บภาษีเข้าระบบ คนที่เข้ามาสู่ระบบภาษี ก็ต้องขยายตัวมากยิ่งขึ้น และนำเงินที่ได้จากการเก็บภาษีมาพัฒนาประเทศต่อไป ซึ่งนี่คือ “จุดสตาร์ทเศรษฐกิจ” และหากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล คาดว่านโยบายนี้ กว่าจะได้บริหารงบฯ และ ประกาศใช้จริง ก็ประมาณวันที่ 1 ม.ค. 2567 และเชื่อว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ด้วนโยบายนี้ คุ้มค่ากับประชาชนที่ทนทุกข์ทรมานมากว่า 8 ปี และ การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนภายใต้มาตรการนี้ จะหมุนเวียนภายในประเทศ รวมถึงได้ภาษีกลับคืนมาเป็นงบประมาณ หลักหลายแสนล้านบาทแน่นอน

เมื่อถามว่า นโยบายนี้มีข้อจำกัดสำหรับร้านค้า รายย่อยระดับ SMEs และรายใหญ่ระดับนายทุนหรือไม่ เศรษฐา ตอบว่า “ไม่มีครับ รายใหญ่ รายย่อย ประชาชนทุกคน จะใช้นโยบายนี้กันอย่างเสมอภาค เท่าเทียม เราจะไม่มีกีดกันและทำเพื่อเอื้อใครทั้งนั้น ทุกคนได้เท่ากันหมดครับ”

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 เม.ย. 2566 ที่ผ่านมา เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย และ ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ , กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ , เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และ จักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และกรรมการด้านเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย จะแถลงข่าว “ไขข้อข้องใจดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อไทย” ที่พรรคเพื่อไทย ในเวลา 11.30 น.