จัดโผเรียบร้อยสำหรับบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ส่งไปทำไพรมารีโหวตทั่วประเทศ 100 รายชื่อ เรียงตามลำดับตัวอักษร เพื่อไปยื่นสมัครต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 4 เมษายนนี้ โดยไม่ปรากฏชื่อของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเบอร์ 1 ของพรรค
ขณะที่รายชื่อคนอื่นๆ อาทิ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเบอร์ 2 จะอยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1
นอกจากนี้ยังมีชื่อ ม.ล.ชโยทิต กฤษดากร หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรครวมไทยสร้างชาติ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ทีมเศรษฐกิจรวมไทยสร้างชาติ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
และรายชื่อส่วนใหญ่ยังเป็นผู้บริหารพรรค แกนนำพรรค เช่น นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรค นายดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง รองหัวหน้าพรรค นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ รองหัวหน้าพรรค อดีต ส.ว.ราชบุรี นายปรากรมศักดิ์ ชุณหะวัณ เหรัญญิกพรรค นายเกรียงยศ สุดลาภา นายทะเบียนพรรค เป็นต้น
รวมถึงยังมีรายชื่อที่น่าสนใจ เช่น นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่าฯ กทม. นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลังประชารัฐ นายภาคิน สมมิตรธนกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ นายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ อดีต ส.ส.เขต 2 ฉะเชิงเทรา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับการตัดสินใจไม่ลง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เจ้าตัวเองปฏิเสธตอบถึงเหตุผลในการตัดสินใจครั้งนี้ แต่หลายฝ่ายก็มองและวิเคราะห์กันในหลายแง่มุมว่า การไม่ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อ อาจเพื่อไม่ให้มีผลผูกพันทางการเมืองต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการสวมหมวก ส.ส.หรือไม่ หรือการรับตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เพื่อรอนั่งเก้าอี้นายกฯ ต่อไปก็สง่างามเพียงพอแล้ว และต้องการอยู่ต่อแค่ 2 ปี ตามกติกาเท่านั้น
ทั้งนี้ คนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ อย่าง นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้ยืนยันว่า “การที่ พล.อ.ประยุทธ์จะลงปาร์ตี้สิสต์หรือไม่ ไม่ใช่ปัญหาอะไร ทุกอย่างยังเดินหน้าได้ เพราะในพรรค พล.อ.ประยุทธ์เองมีตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค เป็นสมาชิกพรรค และเป็นผู้นำทัพหาเสียง ทุกอย่างที่เป็น รทสช.ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประยุทธ์คือกำลังหลักของพรรคเช่นเดิม”
และหากมองอีกมุมในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ และ “ตุ๋ย” พีระพันธุ์ หัวหน้าพรรค ที่ทำงานคลิกกันได้ด้วยดี ยิ่งยามที่ “บิ๊กตู่” เข้าพรรคก็จะถอดหมวกนายกฯ ออกจนหมดสิ้น เรียกแทนตัวเองกับทุกคนว่า “พี่” และมักจะถาม “พีระพันธุ์” เสมอว่า “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอก พี่พร้อมช่วย ตุ๋ยบอกพี่ได้เลยนะ”
หรือในวันเปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค ที่ “พีระพันธุ์” ขึ้นเวทีประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 ของพรรคด้วยตัวเอง จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีพร้อมกับประกาศเปิดตัว “พีระพันธุ์” เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 2 ของพรรคเช่นกัน ซึ่งความจริงการประกาศชื่อแคนดิเดตนายกฯ อันดับ 2 นั้น ได้วางคิวไว้ให้เลขาธิการพรรคเป็นผู้ประกาศ ไม่มีใครรู้มาก่อนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเป็นคนประกาศด้วยตัวเอง แม้แต่หัวหน้าพรรคอย่างพีระพันธุ์ก็ไม่รู้ล่วงหน้า
ด้วยความสัมพันธ์ที่ให้เกียรติซึ่งกันและกันนี้เอง จึงมีการมองอีกมุมว่า พล.อ.ประยุทธ์อยากให้พีระพันธุ์ ในฐานะที่เป็นคนทำพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องได้เป็นที่ 1 ของพรรค นั่นคือการเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับที่ 1 ด้วย ซึ่งนี่ก็อาจเป็นอีกเหตุผลในใจของบิ๊กตู่ก็เป็นได้
ส่วนที่มีบางฝ่ายตั้งแง่ว่าศักดิ์ศรีของความเป็นนายกรัฐมนตรีควรเป็น ส.ส.ที่มาจากผู้แทนราษฎรนั้น ทางพรรครวมไทยสร้างชาติเชื่อว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ทำงานใกล้ชิดประชาชนมาโดยตลอด เรื่องดังกล่าวจึงไม่ใช่ปัญหา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เองก็มีคะแนนนิยมดีขึ้นด้วย
เช่นเดียวกับกรณีบางพรรค เช่น “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก็ไม่มีชื่อในโผปาร์ตี้ลิสต์พรรคเพื่อไทยเช่นกัน จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
ฉะนั้นการตัดสินใจไม่ลง ส.ส.บัญชีรายชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม “พรรครวมไทยสร้างชาติ” ยังคงเดินต่อไป ด้วย 2 แม่ทัพอย่าง “ประยุทธ์-พีระพันธุ์” จนถึงวันตัดสินชัยชนะในสนามการเลือกตั้งนี้.