ภท. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. 33 เขต ‘อนุทิน’ลั่นพร้อมเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล

129

รุกปักธงเมืองกรุงฯ! ‘ภูมิใจไทย’ เปิดตัวผู้สมัคร กทม. 33 เขต ‘อนุทิน’ นำปล่อยคาราวานรถแห่ ลั่น พรรคพร้อมเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ทุ่มเททำงานให้ชาวเมือง-คนทั้งประเทศ

วันที่ 18 มี.ค.2566 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผอ.การเลือกตั้ง กทม. พรรคภูมิใจไทย เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก น.ส.สิริอร ม้ามณี เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์. เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา นายนรเสฏฐ์ เธียรประสิทธิ์ เขต 4 คลองเตย วัฒนา นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนาเขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ เขต 6 ดินแดง พญาไท น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ เขต 7 บางซื่อ ดุสิต นายพชร ภูมิจิตร เขต 8 จตุจักร หลักสี่ น.ส.ศลิษา สิงหเสนี เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ น.ส.พีร์ปภาอร เสถียรไทย เขต 10 ดอนเมือง นายณัฏฐ์ มงคลนาวินเขต 11 สายไหม นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว นายศุภกิจ ตังทัตสวัสดิ์ เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง นายอำพล ขำวิลัย เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม นายอิทธิเดช สุพงษ์ เขต 16 คลองสามวา นายณัฐดนัย ชนิตร์วัฒน์ เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายนิกม์ แสงศิรินาวิน

เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายธีระวิทย์ วงศ์เพชร เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นายพงษ์เพชร เพชรสุวรรณคดี เขต20 ลาดกระบัง นายเอกฤทธิ เจียกขจร เขต 21 ประเวศ สะพานสูง นางสกุลรัตน์ ทิพย์วรรรณงาม เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายมณฑล โพธิ์คาย เขต 23 พระโขนง บางนา น.ส.มณีรัตน์ ลิมป์รัตนกาญจน์เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ น.ส.เจณิสตา เตชะโสภณมณี เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายเจริญศักดิ์ มณีรัตนสุบรรณ เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสุทธิชัย เมฆสุวรรณ เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง พญ.ศรันย์รัสย์ อภิวรานันทกุล เขต 29 บางแค หนองแขม น.ส.ธัณยาการย์ เตชะพัฒน์สิริ เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ น.ส.ศุภิกา พัฒน์ธนันภู เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน นายพศิน ชาญศิลป์ เขต32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.อัชญา จุลชาต และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายจักรพันธ์ พรนิมิตร

โดย นายพุทธิพงษ์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า พรรค ภูมิใจไทยจะเดินหน้าขอโอกาสรับใช้คนกทม. เราไม่ได้พูดเฉยๆ และเราไม่ได้แค่พูดแล้วทำ แต่ก่อนพูดเราทำ พวกเราได้ทำไปแล้ว สิ่งที่ตนจะนำเสนอในวันนี้อาจจะต่างจากทุกพรรคการเมือง เพื่อบอกว่าทำไมประชาชนต้องเลือกพรรคภูมิใจไทย“เราปฏิเสธไม่ได้ว่ากทม. คือประเทศไทย คือที่รวมตัวของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เข้ามาพร้อมความหวัง มาเรียน มาศึกษา พรรคภูมิใจไทย จึงต้องมาขอรับใช้พี่น้องคนกทม. ผู้บริหารพรรคภูมิใจไทยได้ศึกษา ได้คิดวิเคราะห์จนตกผลึกแล้วว่า ปัญหาของคน กทม. คืออะไร เรามีความพร้อมมากกว่าพรรคอื่น กทม. ในวันนี้ ถ้าคิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ก็ได้แบบเดิม เราจึงต้องมองว่าจะพัฒนากทม. ไปข้างหน้าอย่างไร พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแรกและพรรคเดียวที่นำเสนอนโยบายของกทม. แบบแบ่งตามกลุ่มเขต ตามสภาวะแวดล้อมและปัญหา เป็น 4 พื้นที่” นายพุทธิพงษ์ กล่าวนายพุทธิพงษ์ กล่าวต่อว่า เราแบ่งกทม. ทั้ง 33 เขต ออกเป็น 4 พื้นที่ คือ กรุงเทพฯ เหนือ กรุงเทพฯ ฝั่งธน กรุงเทพฯ ตะวันออก และกรุงเทพฯ ชั้นใน ทุกพรรคอาจจะบอกว่ามีนโยบายที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหา แต่เราต้องยอมรับว่ากทม. มีขนาดใหญ่ จึงไม่สามารถใช้นโยบายเดียวที่ใช้ได้กับทั้งกทม.ได้ พรรค ภูมิใจไทยตั้งใจที่จะแก้ปัญหาให้คนกทม. ที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง และต้องการคนที่มีประสบการณ์ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยให้ทั้งคนที่ทำงานในสภาฯ คนอภิปราย คนรุ่นใหม่ และคนรู้ปัญหาในพื้นที่ การนำเสนอนโยบายของเราไม่เหมือนพรรคอื่น เพราะเราพูดแล้วทำได้ และเป็นนโยบายที่ทำโดยรัฐบาล เป็นนโยบายระดับกระทรวง ทบวง กรม นำมาแก้ไข ถ้าเลือกพรรคภูมิใจไทบจะได้คนที่รู้งานจากคนพื้นที่ ได้คนที่มีประสบการณ์ทำงานในสภา และสิ่งที่เราพูดไปทั้งหมดต้องพูดและทำให้คน กทม. ดังนั้น เลือกพรรคภูมิใจไทย คนกทม.ได้อะไรมากกว่าที่คิด วันนี้จึงเหมือนยกภูเขาออกจากอก เพราะตนได้ทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาเสร็จแล้ว ด้วยการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ทั้ง 33 เขตขณะที่ นายอนุทิน กล่าวตอนหนึ่งว่า พรรคภูมิใจไทยเคยเสนอตัวเองในเขตกทม. โดยที่ไม่ได้มีความพร้อมเท่าครั้งนี้ เราเติบโตมาจากต่างจังหวัดใช้การบริหารจัดการเลือกตั้งแบบที่เราคุ้นชินในต่างจังหวัด แต่กทม.มีอะไรที่ละเอียดลึกซึ้งมากกว่านั้น เพราะใน กทม.ต้องเสนอเป็นองคาพยพ ประกอบด้วย พรรค ผู้บริหารพรรค ผู้สมัคร และประชาชน จึงเป็นที่มาถึงการหารือกับนายพุทธิพงษ์ ว่าพรรคได้บริหารราชการแผ่นดินตลอด 4 ปี คิดว่าเรามีความสามารถที่พี่น้อง กทม.จะให้โอกาสพรรคได้มีผู้แทนไปทำงานให้คนกทม. เราไม่เคยคิดแม้แต่วินาทีเดียวว่าคนกทม.ไม่เลือก เราจะไม่ให้ความสำคัญกทม. ตรงกันข้ามเราให้ความสำคัญ เพราะกทม.คือทุกสิ่งของประเทศ พรรคเข้าใจประเด็นนี้จึงทุ่มเททุกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกทม. พร้อมยืนยันว่า ทั้ง 33 คน ที่อาสาเสนอตัวเข้ามาให้ประชาชนเลือก ไม่ได้อยู่ดีๆมากรอกใบสมัคร แต่มีกระบวนคัดสรรสืบประวัติเต็มที่ เราทำให้คนกทม.เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องเลือกพรรคที่ทำงานให้คนกทม. เราจะสู้จนชนะ และเข้าไปมีบทบาทรับใช้พี่น้องกทม. และชาวไทยทั้งประเทศ ซึ่งเราพร้อมจะจัดตั้งรัฐบาล และเป็นแกนนำต่อไป.