“ภาดาท์” มุ่งแก้ปัญหาพลังงาน ไม่เกรงใจกลุ่มทุน นำไทยสู่ “พลังงานสะอาด”

“วัน-ภาดาท์” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ภท.มุ่งแก้พลังงานแบบไม่เกรงใจกลุ่มทุน ชำแหละปมปัญหา มองค่าไฟฟ้าแพง เหตุมีโรงไฟฟ้ามากเกิน ลั่น “ภูมิใจไทย” ไม่มีกลุ่มทุนพลังงานหนุนหลัง พร้อมแก้ปัญหาแบบไม่เกรงใจใคร กางนโยบายรถเมล์ EV-โซลาร์ รูฟ-มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า พาไทยมุ่งสู่พลังงานสะอาด พร้อมลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน ให้กับ ปชช.

น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ หรือ “ส.ส.วัน” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตราชเทวี-พญาไท พรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวผ่านรายการ “พรรคภูมิใจไทย พูดแล้วทำ” เผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ยูทูบ และ TikTok พรรคภูมิใจไทย ถึงปัญหาค่าพลังงานแพงที่ส่งผลกระทบทั้งประชาชนและภาคธุรกิจเอกชนว่า วันนี้คนไทยทุกคนเดือดร้อนกับค่าพลังงานที่สูงขึ้น ทั้งค่าไฟฟ้า ก๊าซ หรือน้ำมัน ซึ่งเป็นเพราะอะไรโครงสร้างราคา และการบริหารจัดการพลังงานของภาครัฐ ตั้งแต่โครงสร้างน้ำมันที่วันนี้อิงราคาน้ำมันของตลาดสิงคโปร์ ซึ่งก็มีคำถามมาตลอดว่า เหตุใด กระทรวงพลังงาน ถึงกำหนดราคาน้ำมันสำเร็จรูปหน้าโรงกลั่น เป็นราคาที่ประหนึ่งว่า เรานำเข้ามาจากต่างประเทศ ทั้งที่ไทยเราสามารถผลิตกลั่นน้ำมันเองได้เกือบทั้งหมดที่เราใช้อยู่ จึงไม่มีเหตุผลที่ต้องไปอิงราคาตลาดต่างประเทศ และบวกค่าขนส่ง ค่าสูญเสียระหว่างทางน.ส.ภาดาท์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของ ก๊าซ ถือเป็นต้นทุนของสินค้าอุปโภคบริโภคทุกชนิด และสาเหตุที่ราคาก๊าซสูงขึ้น เพราะว่า ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาต้องจัดสรรให้กับภาคอุตสาหกรรมเคมี ก่อนภาคประชาชน ทำให้ก๊าซธรรมชาติสำหรับภาคประชาชนไม่เพียงพอ จึงต้องจ่ายค่าก๊าซที่แพงจากการนำเข้า ขณะที่ปัญหาราคาไฟฟ้าแพงนั้น นอกจากประชาชนที่ต้องเดือดร้อนกับภาระค่าครองชีพแล้ว ยังส่งผลถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้วย เพราะค่าไฟฟ้าของไทยซึ่งอยู่ที่ 5 บาทกว่าต่อหน่วย แพงกว่าประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ที่ราว 2-3 บาทกว่าต่อหน่วย เป็นเหตุให้นักลงทุนเปลี่ยนไปลงทุนในประเทศที่ต้นทุนค่าไฟฟ้าถูกกว่า

น.ส.ภาดาท์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ค่าไฟฟ้าของไทยแพงขนาดนี้ เพราะเรามีโรงไฟฟ้ามากเกินจนล้นความจำเป็น ทำให้ต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงกว่าปกติ หลายๆ พรรคการเมือง หลายๆ รัฐบาล ที่เข้ามาบริหารกระทรวงพลังงาน มีกลุ่มทุนพลังงานที่หนุนหลังอยู่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทุนพลังงานที่ผูกขาด หรือกึ่งผูกขาดขนาดใหญ่ ล้วนสนับสนุนอยู่ในหลายๆ พรรคการเมืองที่เข้ามาบริหารหลายๆ รัฐบาล “วันมั่นใจ และกล้าพูดว่า ภูมิใจไทย เป็นพรรคเดียวที่ไม่มีกลุ่มทุนพลังงานหนุนอยู่ข้างหลัง” น.ส.ภาดาท์ กล่าว และ ระบุ

ถึงแนวนโยบายด้านพลังงานของพรรคภูมิใจไทยว่า โดมิโนตัวแรกที่พรรคภูมิใจไทยทำ  คือ ได้นำรถเมล์ไฟฟ้า หรือรถเมล์ EV มาให้บริการประชาชนได้ใช้แล้ว จำนวน 1,250 คัน 77 เส้นทางในปี 2565 และในปี 2566 นี้ กระทรวงคมนาคม ในกำกับดูแลของพรรคภูมิใจไทย ตั้งเป้าว่า จะนำรถเมล์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 1,850 คัน ใน 45 เส้นทาง รวมทั้งสิ้นปีนี้ประชาชนจะมีรถเมล์ไฟฟ้าทั้งหมด 3,100 คัน ใน 122 เส้นทาง ซึ่งสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกไปได้ถึง 5 แสนตัน โดมิโนตัวที่ 2 คือ เรื่องโซลาร์รูฟ ที่จะทำให้ประชาชนทุกคนสามารถกลายเป็นผู้ผลิต ผู้ใช้ และผู้ขายพลังงานให้กับประเทศได้ ซึ่งต้องถือว่าคนไทยเราโชคดีมากที่มีแสงแดดเป็นต้นทุนฟรีๆ เพราะเชื่อว่า เกือบทุกบ้านหลังคาต้องโดนแดด อยู่ที่ว่าจะใช้ต้นทุนฟรีๆ ตรงนี้ให้เกิดประโยชน์อย่างไร หากพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเป็นรัฐบาล เราจะสนับสนุนให้หลังคาบ้านทุกหลังมีโซลาร์รูฟ เปลี่ยนแสงแดดเป็นพลังงานไฟฟ้า  และโดมิโนตัวที่ 3 เป็นเรื่องการส่งเสริมการใช้ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า จากที่ทุกคนเคยเติมน้ำมันอย่างน้อยวันหนึ่งร้อยกว่าบาท ต่อจากนี้ไม่ต้องเติมน้ำมัน ทุกคนก็จะได้ใช้มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่ชาร์จพลังงานจากบนหลังคาบ้านตัวเอง เปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาด ด้วยรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

“พรรคภูมิใจไทยมีความตั้งใจในการทำนโยบายให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แล้วเราก็จะเลิกใช้พลังงานสกปรกด้วยกัน สิ่งนี้คือสิ่งที่เราเรียกว่า ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน วันเชื่อเหลือเกินว่า พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคเดียวที่มีความหวัง และเป็นพรรคเดียวที่ทำได้” น.ส.ภาดาท์ กล่าวในที่สุด