“ศุภชัย ใจสมุทร” รับหนังสือจาก “อ.ไข่ มาลีฮวนน่า” วอน พรรคภูมิใจไทย สนับสนุน ตั้ง “สภาศิลปะศิลปินและวัฒนธรรมแห่งชาติ”
วันที่ 9 มีนาคม 2566 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย ได้รับหนังสือจากนายคฑาวุธ ทองไทย หรือ อ.ไข่ มาลีฮวนน่า ประธานสมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย ซึ่งสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติสภาศิลปะศิลปินและวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เพื่อผลักดันการตั้งสภาศิลปะศิลปิน และวัฒนธรรมแห่งชาติเป็นนโยบายพรรค
โดยนายคฑาวุธ กล่าวว่า สมาพันธ์เครือข่ายคนบันเทิงอาชีพแห่งประเทศไทย ได้ก่อเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติโรคโควิด-19 ระบาดทั่วทั้งประเทศไทย และหลายประเทศทั่วโลก สร้างผลกระทบในหลายด้าน อาทิ การดำรงชีวิตการประกอบอาชีพด้านเศรษฐกิจ ทางสมาพันธ์ฯ ได้มีการจัดการประชุมระดมความคิดเห็นในการเสนอแนวทางเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในระยะยาวของอาชีพที่เกี่ยวข้องทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม และเกิดความร่วมมือเป็นพลังในการพลิกฟื้นประเทศร่วมกันสมาพันธ์ฯ เชื่อว่าศิลปะและวัฒนธรรม มีส่วนสำคัญในการหล่อหลอม สร้างเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ให้ได้อยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข และสามารถนำคุณค่าทางศิลปะ และวัฒนธรรมมาเป็นพลังในการพัฒนานโยบาย และพลังแนวรุกในการขับเคลื่อนมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม และการแก้ไขปัญหาทางสังคม โดยการดำเนินการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์จะต้องมีการส่งเสริม การสานพลังจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคประชาชน ปราชญ์ชาวบ้าน ศิลปิน นักวิชาการ เอกชน และองค์กรภาครัฐ ให้เกิดดุลยภาพการจัดการ และพัฒนานโยบายสาธารณะทางศิลปะและวัฒนธรรม และเกิดการขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม สมควรให้มี“สภาศิลปะศิลปินและวัฒนธรรรมแห่งชาติ” จัดทำแผนแม่บทระดับชาติว่าด้วยศิลปะและวัฒนธรรม เพื่อเป็นแนวทางการพัฒนาศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ โดยมีกองทุนสนับสนุนอย่างพอเพียงและมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ทางทางสมาพันธ์ฯ จึงขอให้ทุกพรรคการเมืองได้มีนโยบายนำเสนอต่อสาธารณะในการสนับสนุนให้มีการตั้ง “สภาศิลปะศิลปินและวัฒนธรรมแห่งชาติ” อ.ไข่ มาลีฮวนน่า กล่าว
ทั้งนี้ นายศุภชัย กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทย พร้อมสนับสนุน ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ซึ่งเป็นร่างพ.ร.บ.ที่ประชาชนเข้าชื่อสนับสนุนกฎหมาย เพราะฉะนั้นก็จะอยู่ในขั้นตอนที่จะต้องไปเข้าชื่อกันต่อไป ถ้าสภาเปิด เราเห็นว่าการที่มีกฎหมายที่ดี ในฐานะพรรคการเมืองเราก็พร้อมที่จะเสนอร่างพระราชบัญญัตินี้ประกบกับร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ การที่เรารู้ว่าประชาชนรวมตัวกันเป็นองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมาย เป็นองค์กรที่จะช่วยกันดูแลสมาชิกให้แข็งแรงก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าการที่ปล่อยให้แต่ละคนมารวมกลุ่มกันแต่ไม่มีกฎหมายมารองรับ