เลขาฯกกต. ชี้ แบ่งเขตไม่ได้ทำให้ถูกใจใคร แต่ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ

35

เลขาธิการ กกต.ชี้แบ่งเขตไม่ได้ทำให้ถูกใจใคร แต่ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญ หวังเลือกตั้ง’66 จะเป็นที่ยอมรับ และเป็นทางออกของประเทศ วอนพรรคการเมืองแข่งขันให้เคารพกฎหมาย

วันที่ 24 ก.พ.2566 เวลา 09.20 น.ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดอบรมสัมมนาเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในแนวทางปฏิบัติ กฎหมาย กฎระเบียบที่ปรับปรุงเปลี่ยนไปตามห้วงเวลาระหว่างสำนักงานกกต. สื่อมวลชน และเครือข่ายสำนักงาน กกต.เพื่อเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งส.ส. การทั่วไป พ.ศ. 2566 โดยนายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. กล่าวเปิดงานว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้ความร่วมมือกับกกต.เป็นอย่างดีที่ลงข่าวตรง แต่สิ่งที่ต่างออกไปเกิดจากคอลัมน์นิสต์ที่ยังไม่ตรง เพราะเป็นแค่การความคิดเห็น ซึ่งไม่ว่าข่าวจะตรงหรือไม่ตรง เราก็รับฟังและนำมาเป็นข้อคิดในการทำงาน แต่ข้อมูลจากสื่อมวลชนนั้น มีความน่าเชื่อถือกว่า เพราะมีจริยธรรม ซึ่งนอกจากสื่อ คนที่พยายามเป็นสื่อมวลชนมีมากมาย เพราะทุกคนพร้อมที่จะเป็นสื่อทางโซเชียลมีเดีย ทำให้การทำงานของเราได้รับฟังความคิดเห็นของสังคมในขณะนั้นได้ และจะนำความเห็นมาพิจารณาในการทำงาน แต่เราก็ต้องทำตามกฎหมาย ทั้งนี้กกต.ไม่ได้ทำงานเพื่อคนใดคนหนึ่ง แต่เราทำงานเพื่อประเทศไทย

นายแสวง กล่าวอีกว่า ส่วนในเรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งส.ส.สำนัก งาน กกต.ไม่ได้ยึดหลักว่า ต้องทำให้ถูกใจใคร เพราะผู้แข่งขันทุกคน ก็ต้องการชัยชนะ เพียงแต่ต้องทำงานให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ เราต้องทำให้เป็นที่ยอมรับของทุกคนเพื่อให้เป็นทางออกของประเทศได้ อย่างไรก็ตามเรามี 4 หลักในการทำงาน 1.สุจริต เที่ยงธรรม 2.โปร่งใส ตรวจสอบได้เมื่อมีปัญหา 3.ประสิทธิภาพ 4.การมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งทุกคนควรรู้เรื่องการเลือกตั้งเท่ากันไม่ว่า กกต. ผู้สมัคร หรือ ประชาชนจะทำให้การเลือกตั้งง่ายขึ้น ไม่ถูกชักนำจากแรงจูงใจอย่างอื่น ถ้าประชาชนยังไม่รู้กติกาก็มีโอกาสถูกแรงจูงใจทางการเมือง ส่วนเมื่อมีการแก้กฎหมาย มีระเบียบใหม่ การเลือกตั้งก็จะเปลี่ยนไป ยืนยันว่าเราทำตามกฎหมาย ถ้ากฎหมายเป็นแบบนี้เราก็ต้องทำแบบนี้ ไม่ใช่ว่ากกต. คิดกติกาเพื่อประโยชน์ของใคร ถ้ากติกาไม่ดีก็ให้ไปแก้ที่กฎหมาย

นายแสวง ยังกล่าวอีกว่า สำหรับการเลือกตั้งส.ส.นั้นมีแรงเสียดทานที่ตามมา จึงให้โจทย์กับสำนักงานว่า เราจะต้องทำให้เรียบร้อย และให้การเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับ ระหว่างทาง กกต.จะทำทุกอย่างให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ส่วนเรื่องการทำไพรมารีโหวต ของพรคการเมือง จากการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ก็ต้องเน้นย้ำให้พรรคการเมือง ปฏิบัติตามขั้นตอนซึ่งมีทั้งสิ้น 10 ขั้นตอน ตนในฐานะหัวหน้างานธุรการของ กกต.และ พรรคการเมือง ก็มีความมั่นใจกับตัวทีมงาน และประชาชนที่มาร่วมงานกับเรา ณ วันนี้เราก็ได้เตรียมความพร้อมตามเงื่อนไขเวลาที่เกิดขึ้น แต่การเลือกตั้งจะเรียบร้อย และเป็นที่ยอมรับต้องได้รับความร่วมมือจากคนทุกคนในชาติ และหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะได้รับความร่วมมือ พร้อมย้ำว่าทาง กกต.รับฟังทุกความเห็น และไม่ได้ตัดสินใจบนพื้นฐานทางการเมือง แต่ตัดสินใจบนพื้นฐานของกฎหมาย และประโยชน์ของประเทศชาติ คงต้องขอความร่วมมือพรรคการเมืองว่าต้องแข่งขันให้เคารพกฎหมาย