ยิ่งใหญ่! นายกฯมอบรางวัล’ทดสอบท่องจำฮะดีษ’ ระดับชาติ สำนักจุฬาฯ-ซาอุฯ ร่วมจัด

นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีปิด “การจัดทดสอบท่องจำฮะดีษ ระดับชาติ ครั้งที่ 1” ส่งเสริมความร่วมมือด้านศาสนา วัฒนธรรม และสังคม ของราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ระบุไทยเป็นประเทศพหุวัฒนธรรม รัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันด้วยความสงบร่มเย็น

วันที่ 7 ก.พ.2566 เวลา 16.00 น. ที่โรงแรม อัล มีรอซ เขตสวนหลวง กทม. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีปิด “การจัดทดสอบท่องจำฮะดีษ ระดับชาติ ครั้งที่ 1” และ มอบโล่ห์รางวัลชนะเลิศแก่ผู้เข้าทดสอบที่ชนะเลิศและรองชนะเลิศ  โดยมี นายอับดุลเราะห์มาน บิน อับดุลอาซีซ อัล ซูไฮบานี เอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบียประจำประเทศไทย นายเอาวาฎ บิน สัฟตีย์ อัลอะนะซีย์ ปลัดกระทรวงกิจการศาสนาอิสลามและการเผยแพร่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย พลตำรวจตรี สุรินทร์ ปาลาเร่ เลขาธิการคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย นายประสาน ศรีเจริญ รองประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬราชมนตรี นายยัสเซอร์ บิน ราชิด บิน ฮุสเซน อัล-วาดานี อัล-โดซารี อิหม่ามประจำมัสยิดฮารอม มักกะห์ ซาอุดิอาระเบีย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายนริศ ขำนุรักษ์ รมช.มหาดไทย เข้าร่วม

นายอรุณ บุญชม ประธานผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี  ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดการทดสอบท่องจำฮะดีษ ระดับชาติ ครั้งที่ 1 กล่าวว่าการจัดการทดสอบท่องจำฮะดีษระดับชาติ ครั้งที่ 1 เป็นผลมาจากการที่ราชอาณาจักรไ่ทยและซาอุดิอาระเบียบ ได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์ นำไปสู่ความร่วมมือในทุกด้าน รวมทั้ง ด้านศาสนาและวัฒนธรรม ด้วยกระทรวงการศาสนาอิสลามและการเผยแพร่ ได้ให้การสนับสนุนผ่านสำนักงานวัฒนธรรม สถานเอกอัคราชทูตซาอุดิอาระเบียในประเทศไทย ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้สนับสนุนการการจัดการท่องจำอัลกุรอ่านระดับชาติ เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 วัตถุประสงค์เพื่อเผยแผ่พระจริยวัตรของศาสดามูฮัมหมัด(ซ.ล.) เป็นการกระตุ้นให้มวลมุสลิมทุกระดับอายุ ได้สนใจศึกษาแบบฉบับของศาสนทูตและนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันให้เป็นที่ประจักษ์ โดยมีผู้เข้าร่วม 570 คน มีผู้เข้าร่สมตั้งแต่อายุ 8ขวบถึง 25 ปี ได้คัดเลือกในรอบแรกในระบบซูมเหลือผู้เข้ารอบ 49 คน ใน 4 ประเภท การทดสอบ ประกอบด้วย ประเภทท่องจำฮาดิษ 40 บท ประเภทท่องจำฮาดิษ 80 บท ประเภท ท่องจำฮาดิษ 140 บท และประเภทท่องจำฮาดิษ 200 บท
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลแก่ผู้เข้าทดสอบท่องจำฮะดีษ ระดับชาติ ครั้งที่ 1 จำนวน 12 รางวัล ปนะกอบด้วย

ประเภท ท่องจำฮาดิษ 40 บท
ชนะเลิศเงินรางวัล 100,000 บาท ได้แก่ เด็กหญิงอีนัช อัลดุลเล๊าะ
รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 75,000 บาท ได้แก่ เด็กหญิงดาณีย์ มินโด
รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 50,000 บาทได้แก่ นายศิรฮานุดดีน อุมา

ประเภทท่องจำฮาดิษ 80 บาท
ชนะเลิศเงินรางวัล 150,000 บาท ได้แก่ นายนดีม เล๊ะนุ๊
รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 125,000 บาท ได้แก่ นายโอมาร์ เลาะยา
รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 100,000 บาท ได้แก่ นายมุหัย๙ิน บินต่วน

ประเภทท่องจำฮาดิษ 140 บท
ชนะเลิศเงินรางวัล 200,000 บาท ได้แก่ น.ส.ซอฟียะห์ สาเมาะ
รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 175,000 บาท ได้แก่ นายอิกบัล ดูดิง
รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 150,000  บาทได้แก่ น.ส.นูซัยรอ ปัญญาผล

ประเภทท่องจำฮาดิษ 200 บท
ชนะเลิศเงินรางวัล 300,000 บาท ได้แก่ นายญาบิร อะหมัด
รองชนะเลิศอันดับ 1 เงินรางวัล 75,000 บาท ได้แก่ น.ส.ซาเราะห์ ตาเฮ
รองชนะเลิศอันดับ 2 เงินรางวัล 50,000 บาท ได้แก่  น.ส.นาบีละห์ อาดำ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำสอนของทุกศาสนาล้วนเป็นวิถีปฏิบัติและเครื่องขัดเกลาจิตใจของคนในสังคมโดยรวมให้มีศีลธรรม ประเทศไทยเป็นประเทศพหุวัฒนธรรม มีหลากหลายเชื้อชาติและศาสนาที่สามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสงบร่มเย็นภายใต้พระบรมโพธิสมภารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภก และ ทรงอุปถัมภ์กิจการของศาสนาอิสลามเสมอมา โดยเฉพาะการได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีรับสั่งให้นายต่วน สุวรรณศาสน์ อดีตจุฬาราชมนตรี แปลพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเป็นภาษาไทยฉบับพระราชทาน เพื่อให้ชาวไทยมุสลิมได้เข้าใจในหลักการของศาสนาอิสลามได้มากขึ้น

โดยในส่วนของราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียได้มีการพัฒนาและยกระดับความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นและดำเนินการมาครบ 1 ปี ในวันพุธที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา จากความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การรักษาพยาบาล ตลอดจนด้านวัฒนธรรมและการศึกษา ดังนั้น การจัดทดสอบท่องจำในครั้งนี้ จึงเป็นอีกหนึ่งมิติความร่วมมือระหว่างกัน และยังส่งเสริมความร่วมมือด้านศาสนา วัฒนธรรม และสังคมของสองประเทศ เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมชาวมุสลิมให้มีการรักในการอ่าน การท่องจำ และการศึกษาความหมายของฮะดีษอันเป็นวจนของพระศาสดา และสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ตามแบบฉบับของท่านศาสดามูฮัมหมัด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งตนเอง ครอบครัว สังคม และประเทศชาติในฐานะผู้นำรัฐบาล รำลึกอยู่เสมอว่าคนไทยทุกคนคือพี่น้องกัน อาจมีความแตกต่างทางความเชื่อ แต่ก็ให้เกียรติและเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน โดยในส่วนของชาวมุสลิมถือเป็นประชาชนไทยที่รัฐบาลได้ให้การดูแลมาโดยตลอด ทั้งในเรื่องการดำรงชีพและการปฏิบัติตามหลักคำสอนของศาสนา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลได้อำนวยความสะดวกแก่ชาวไทยมุสลิมทั้งการออกกฎหมายที่สอดคล้องกับหลักการศาสนาอิสลาม การส่งเสริมและอำนวยความสะดวกแก่ผู้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ปีละกว่า 13,000 คน การจัดงานเลี้ยงละศีลอดเดือนรอมฎอนแก่ชาวไทยมุสลิมและบรรดาทูตานุทูตประเทศมุสลิมประจำประเทศไทย

รวมทั้งการจัดตั้งธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย เพื่ออำนวยความสะดวกด้านธุรกรรมการเงินอิสลามแก่ชาวมุสลิมและบุคคลทั่วไป ตลอดจนเปิดโอกาสให้มีการจัดตั้งกองทุนประกันภัยและประกันชีวิตแบบอิสลาม ในรูปแบบตะกาฟุล (TAKAFUL) คือ การค้ำประกันร่วมกัน ซึ่งเป็นรูปแบบการประกันภัยที่ศาสนาอิสลามให้การยอมรับบนพื้นฐานของความร่วมมือและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณจุฬาราชมนตรี คณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย คณะกรรมการจัดทดสอบท่องจำฮะดีษฯ และผู้มีส่วนร่วมทุกคน รวมทั้งขอบคุณรัฐบาลซาอุดีอาระเบียที่ได้ให้การสนับสนุนการจัดงานในครั้งนี้ ซึ่งได้แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือฉันมิตรในมิติต่าง ๆ ระหว่างกันต่อไป
สำหรับการจัดการทดสอบท่องจำฮะดีษ ระดับชาติ ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกที่จัดขึ้นในประเทศไทยภายใต้การอุปถัมภ์ของสถานเอกอัครราชทูตซาอุดีอาระเบีย ประจำประเทศไทย ร่วมกับสำนักจุฬาราชมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านศาสนา วัฒนธรรม และสังคมของสองประเทศ อีกทั้งเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมมวลมุสลิมให้มีความตระหนักในการอ่าน การท่องจำ และการศึกษาความหมายของฮะดีษอันเป็นวจนของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) และซุนนะห์ อันเป็นจริยวัตรของท่านไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น อันเป็นการเสริมสร้างพลังคุณธรรมจริยธรรมในจิตใจของผู้ศึกษา โดยเฉพาะเยาวชนมุสลิม เพราะฮะดีษมีความสำคัญรองจากอัลกุรอานต่อวิถีการดำรงชีวิตของมุสลิมในการจรรโลงตนเอง ครอบครัว และสังคมให้ธำรงมั่นในคุณงามความดีตามจริยวัตรอันสูงส่งของท่านนบีมูฮัมหมัด (ซ.ล.) แห่งอิสลาม อีกทั้งเป็นการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของสังคมให้เกิดแรงบันดาลใจ กระตุ้นความสนใจทั้งนักอ่านและนักท่องจำพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ได้มีการท่องจำอัลกุรอานมากยิ่งขึ้น และการสร้างภูมิคุ้มกันในการดำเนินชีวิตตามครรลองแห่งอิสลาม
หลังมอบโล่ห์รางวัลและกล่าวให้โอวาท พล.อ.ประยุทธ์ ได้เดินทักทายผู้มาร่วมงาน ทั้งแขกผู้มีเกียรติจากซาอุดิอาระเบียและมุสลิมในประเทศไทยตลอดจนนักเรียน ผู้ปกครองและผู้มาร่วมงานอย่างใกล้ชิด

นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์สื่อซาอุดิอาระเบีย เพิ่มเติมถึงความสัมพันธ์ไทย-ซาอุฯว่า กำลังเร่งรัดดำเนินการสิ่งที่ยังไม่เรียบร้อยให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น พร้อมระบุว่า นโยบายของซาอุฯในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายเป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้เกิดความสงบสุข ัสนติที่ทุกคนต้องการ

จากนั้น นายบประสาน ศรีเจริญ นายอรุณ บุญชม อิหม่ามประจำมัสยิดฮารอม เอกอัคราชทูซาอุดิอาระเบียประจำประเทศไทย ปลัดกระทรวงกิจการาศาสนาอิสลามฯ ได้ร่วมกันมอบเกียรติบัตรและเงินรางวัล

นายอาลี เสือสมิง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจุฬาราชมนตรี และกรรมการตัดสินการท่องจำฮาดิษ กล่าวว่า การทดสอบการท่องจำฮาดิษ เป็นสิ่งใหม่ในประเทศไทย แต่ในหลา่ยประเทศได้มีการทดสอบถึงระดับ 500 บทแล้ว แต่เยาวชนที่เข้าร่วมถือว่า มีความสามารถเพราะมีเวลาเตรียมตัวเพียงเดือนเดียวในการท่องจำฮาดิษ ซึ่งคะแนนที่ออกมาสูสีกันมาก ห่างกันแค่จุดทศนิยม

‘จากนี้ไป ผู้ที่เกี่ยวข้องต้องต่อยอดความสามารถนี้อย่าให้หายไป อาจจะส่งไปทดสอบในต่างประเทศต่อไป’นายอาลี กล่าว