ปชป.กับ สามจังหวัดชายแดนใต้ นโยบายที่ ทำได้จริง ไม่วาดฝัน แค่ช่วงเลือกตั้ง

“นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ต้องย้ำหลายครั้งถึงความอุดมสมบูรณ์ของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่ มีปัญหาความไม่สงเรียบร้อย จึงต้องการให้สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นคลังอาหารของภาคใต้ นอกจากภาคพื้นดินที่อุดมสมบูรณ์แล้ว มีสองจังหวัดที่ติดทะเล คือ ปัตตานี และ นราธิวาส ซึ่งทางทะเล ก็ยังมีความอุดมสมบูรณ์เช่นกัน และ ยังมีเป้าหมายในการ “สร้างสันติภาพให้เกิดสันติสุข”

การเลือกตั้งในรอบหลายปีที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์ ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่น้อย มีเพียงครั้งที่ผ่านมา ที่สูญเสียที่นั่งส่วนใหญ่ไป ได้มาเพียงคนเดียว คือ “อันวาร์ สาและ” จังหวัดปัตตานี โดย สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามี ส.ส.ได้ 11 คน พรรคประชาชาติได้ไป 6 คน พรรคพลังประชารัฐ 3 คน ประชาธิปัตย์ 1 คน และ ภูมิใจไทย 1 คน การเลือกตั้งครั้งหน้ามี ส.ส.เพิ่มมา 1 คน เป็น 12 คน ยะลา 3 ปัตตานี 4 และ นราธิวาสเพิ่มมา 1 คน เป็น 5 คนสำหรับ “พรรคประชาธิปัตย์” นอกจากจะมีนโยบายใหม่ เช่น “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” โดยภาพรวมแล้ว “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” หัวหน้าพรรค ยังเลือกที่จะใช้นโยบายเดิม ที่เป็นนโยบายซึ่งทำได้จริง ที่เคยประสบความสำเร็จ และเสริมนโยบายใหม่ๆ ทันสมัย และทำได้จริงเข้าไปและถึงมือประชาชนจริง เช่น นโยบายการประกันรายได้ผลผลิตการเกษตรของเกษตรกร และ จะขยายขอบเขตของการประกันรายได้ไปสู่อาชีพอื่นๆ ที่ไม่ใช่เกษตรกรด้วย

“ประชาธิปัตย์” เป็นพรรคการเมือง ที่มีนโยบายชัดเจนและต่อเนื่อง ไม่ใช่มีนโยบายเฉพาะกิจในช่วงหาเสียงเพื่อการเลือกตั้ง หวือหวาในช่วงหาเสียง แต่ยังไม่รู้ว่าทำได้จริงหรือไม่ เอางบประมาณมาจากไหน แต่เป็นนโยบายที่วางเป็นรากฐานของการแก้ปัญหาและการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีหลักฐานยืนยันได้เป็นอย่างดี เช่น โครงการนมโรงเรียน โครงการอาหารกลางวัน เงินกู้ กยศ. และ อีกหลายโครงการที่แยกย่อยลงมาในกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อครั้งที่คนของพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเป็นรัฐมนตรีหรือ โครงการ อสม เงินผู้สูงอายุ ยกระดับสถานีอนามัย 10,000 แห่งให้เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลหรือ รพ.สต. เมื่อครั้งที่ ”จุรินทร์” คนของประชาธิปัตย์เป็นเจ้ากระทรวงสาธารณสุข

ประชาธิปัตย์ก้าวย่างเข้าไปในกระทรวงไหน ก็จะเข้าไปเป็นผู้วางรากฐาน ที่เป็นนโยบาย เพื่อให้เกิดความมั่นคง ที่คนของพรรคการเมืองอื่น เมื่อเข้าไปเป็นเจ้ากระทรวง จะได้สานต่อทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม เช่น เพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม. และ เพิ่มเงินผู้สูงอายุ และอื่นๆ ที่ “ประชาธิปัตย์” เป็นผู้ทำเอาไว้ และไม่มีโครงการไหนที่ประชาธิปัตย์ทำไว้แล้วถูกยกเลิก

นโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ในการเลือกตั้งสมัยที่ผ่านมา ประชาธิปัตย์มี ส.ส.เพียงคนเดียวใน จ.ปัตตานี กับอีก 3 คนของ จ.สงขลา แต่ประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้ละเลยในการแก้ปัญหาของจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะเรื่องของความยากจนของคนใน จ.ปัตตานี ยะลา และ นราธิวาส พร้อมกับเดินหน้าสรรหาคนเลือดใหม่เข้ามาเสริมทัพให้แข็งแกร่งขึ้น จะต้องมี ส.ส.ทุกจังหวัดใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้“จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รัฐมนตรีว่าการเกษตรและสหกรณ์ และ “นิพนธ์ บุญญามณี” ในฐานะอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้วางนโยบายในการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผ่านศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ด้วยนโยบายความมั่นคงของอาหารสู่ครัวโลกมุสลิม ใช้จุดแข็งของพื้นที่ ซึ่งมีทั้งทรัพยากรทางทะเลและการเกษตร

“ยะลา ต้องเป็นเมืองฮับของทุเรียน” นิพนธ์ กล่าว พร้อมกับการส่งเสริมเรื่องการเกษตร ปลูกทุเรียน มังคุด และอื่นๆ ส่งเสริมอาชีพประมง เช่น โครงการปูทะเลโลก ที่เป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศ การพลิกฟื้นนาร้าง จำนวน 300,000 ไร่ ให้กลับมาเป็นนาข้าว เพราะหลายพื้นที่มีชลประทานที่หนุนเสริมการทำนาได้เป็นอย่างดี รวมทั้งการส่งเสริมให้ปลูกไผ่ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เพื่อป้อนโรงไฟฟ้าชีวมวล และใช้ในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีตลาดให้การรองรับเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยังผลักดันโครงการโคบาลชายแดนใต้ ในเรื่องของการจัดหาแหล่งเงินทุน จำนวน 1.5 พันล้านบาท เพื่อเป็นกองทุนให้เกษตรกร ตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในการเลี้ยงโคเนื้อ 50,000 ตัว ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ จะดำเนินการได้ภายในเดือนมกราคม 2566 นี้ ซึ่งจะไม่ใช่เลี้ยงโคเนื้ออย่างเดียว ยังจะส่งเสริมการเลี้ยงแพะด้วย ตลาดทั้งในประเทศ และต่างประเทศยังต้องการอีกมาก

พูดได้ว่าวันนี้ “ประชาธิปัตย์” พร้อมเดินหน้าสู่สนามเลือกตั้งแล้ว 95% โดยไม่ตกปลาในบ่อเพื่อน ไม่ออกเคมเปญใหม่ๆ เพียงเพื่อขายฝันให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียง แต่ยืนอยู่บนฐานของความเป็นจริง และ เป็นไปได้ ทำได้จริง ทำได้ไว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า “ประชาธิปัตย์” คือพรรคการเมืองที่เป็นสถาบันทางการเมือง ที่ประชาชนต้องให้การสนับสนุน เพื่อเข้าไปเป็นรัฐบาลในการนำประเทศชาติไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

ช่วงโค้งสุดท้ายของการเดินเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง เหลือทยอยเปิดตัวผู้สมัครภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อีกไม่กี่จังหวัด และ ต้นเดือนกุมภาพันธ์ จะประชุมสัมนาผู้สมัครทั้งหมด ระหว่างวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ จากนั้นแต่ละภาคจะแยกไปจัดประชุม กำหนดยุทธศาสตร์รายภาคอีกครั้ง โดยภาคใต้จะจัดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างนี้ก็สรรหาตัวผู้สมัครใหม่ในจังหวัดราชบุรี แทนคนที่ลาออกไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพรรคที่เป็นสถาบันทางการเมือง และภาคใต้จะเปิดตัวผู้สมัครจังหวัดพัทลุง 3 คน

นี่คือความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ เดินทีละก้าว ไม่ผลีผลาม สุขุมนุ่มลึก ไม่โฉ่งฉ่าง หรือหวา แต่ทุกเขตเลือกตั้งแฟนคลับ (FC) เขามีไม่น้อยกว่าเขตละ 10,000 คนเป็นตัวตั้งอยู่แล้ว!