“อลงกรณ์” มั่นใจ! ปชป. ได้ ส.ส.ภาคกลาง เพิ่มขึ้น ชูนโยบาย ก้าวข้ามความขัดแย้ง

49

“อลงกรณ์ พลบุตร” รองหน.พรรค ปชป. มั่นใจ ประชาธิปัตย์ภาคกลางได้ ส.ส.เพิ่มขึ้น เร่งเดินหน้าฟื้นศรัทธาประชาชน พร้อมชูผลงานของพรรคในการร่วมรัฐบาล 3ปี ชูธง นำประเทศ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจการเมือง

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคปชป. เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการสัมนาสมาชิกและเครือข่ายแกนนําพรรคประชาธิปัตย์ 26 จังหวัดภาคกลาง และ บรรยายพิเศษในหัวข้อ” นโยบายและผลงานพรรคประชาธิปัตย์กับการเลือกตั้งครั้งหน้า”ระหว่างวันที่ 16- 17 ธ.ค.2565 ที่ จังหวัดเพชรบุรีนายอลงกรณ์กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองพรรคแรกของประเทศอยู่มา76ปี ถือเป็นสถาบันทางการเมืองหลักผ่านร้อนผ่านหนาว เป็นฝ่ายค้านที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล ปกป้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน และ เมื่อเป็นรัฐบาลได้สร้างผลงานเป็นรูปธรรมมาหลายยุคหลายสมัยในการวางรากฐานเศรษฐกิจและการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในช่วง30ปีที่ผ่านมา (2535-2565) ตั้งแต่ยุคหัวหน้าพรรค นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ หัวหน้าพรรคคนปัจจุบันครอบคลุมการพัฒนาประเทศทุกมิติ เช่นการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ การพัฒนาท้องถิ่น การกระจายอำนาจ การพัฒนาคุณภาพชีวิต การพัฒนาการศึกษาและการสาธารณสุข เช่นการจัดตั้ง กระทรวงแรงงาน กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา โครงการนมโรงเรียนและอาหารกลางวัน องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล( รพสต. ) กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร มหาวิทยาลัยภูมิภาค ถนนสี่เลน รถไฟทางคู่ สนามบินสุวรรณภูมิ โฉนดชุมชน การปฏิรูปที่ดิน กองทุนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ โครงการประกันรายได้เกษตรกร ศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม77จังหวัด คณะกรรมการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน7,255ตำบล เป็นต้นและในยามที่บ้านเมืองเกิดวิกฤติทางการเมืองและทางเศรษฐกิจเช่นต้มยำกุ้งและแฮมเบอร์เกอร์ไครซิส พรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาบริหารจนประเทศรอดพ้นปลอดภัยจากวิกฤติหลายต่อหลายครั้งนายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีศักยภาพมากแต่สูญเสียโอกาสเพราะเหตุแห่งการคอรัปชั่นและความขัดแย้งทางการเมืองแบ่งแยกประชาชนเป็น2ฝ่ายต่อสู้ห้ำหั่นกันจนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมากนำไปสู่การรัฐประหารถึง2ครั้งแต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ยุติลงได้ นับเป็นปัญหาวิกฤติเรื้อรังที่บั่นทอนอนาคตของประเทศมาตลอด20ปี

“3ปีกว่าที่พรรคประชาธิปัตย์ แสดงให้เห็นถึงการถอยออกจากวังวนความขัดแย้ง มุ่งมั่นตั้งใจทำงาน มีจุดยืนชัดเจนที่จะคลี่คลายแก้ไขปัญหานี้ ด้วยวิถีทางประชาธิปไตยและพร้อมที่จะร่วมเป็นผู้นำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง พรรคประชาธิปัตย์ในฐานะสถาบันทางการเมืองหลักจะต้องสร้างความเชื่อมั่นทำให้ประชาชนเห็นถึงความเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง มีทักษะประสบการณ์ความสามารถและจุดยืนประชาธิปไตยที่มั่นคง พร้อมเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลและเป็นทางเลือกที่ดีกว่า 2 ขั้วความขัดแย้ง สามารถนำพาประเทศฝ่าวิกฤตการเมืองและวิกฤติเศรษฐกิจเพื่อให้การเลือกตั้งในปี2566 เป็นปีแห่งการเริ่มต้นก้าวใหม่ของประเทศ” นายอลงกรณ์ กล่าว และย้ำว่า

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ภาคกลาง26จังหวัด ซึ่งมี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ เป็นรองหัวหน้าพรรคดูแลรับผิดชอบมี ส.ส. 8คน มีสาขาพรรค สมาชิกพรรคและ ว่าที่ผู้สมัครที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง และ ความมุ่งมั่นทำงานเพื่อประเทศชาติ 76ปีของพรรค คือ76ปี ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกอยู่ทุกหนแห่งทั่วประเทศ ขอให้สมาชิกพรรคและแกนนำพรรรร่วมกันรณรงค์สนับสนุนผู้สมัคร ส.ส.ในแบบเขตเลือกตั้งและแบบบัญชีรายชื่อ เชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์ในจังหวัดภาคกลาง จะได้รับการเลือกตั้งมากขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า จากผลงาน3ปีกว่าที่ผ่านมาและนโยบายที่ทันสมัยตอบโจทย์อนาคตของประชาชน และสามารถสร้างขีดความสามารถของประเทศเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของทุกคน.