การที่ “นิพนธ์ บุญญามณี” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำทีมงานไปเยือนประเทศมาเลเซีย และได้พบกับกลุ่มเครือข่ายร้านอาหาร “ต้มยำกุ้ง” ถือเป็นการตอบโจทย์ทางการเมืองในการรุกพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะ “กลุ่มนักธุรกิจ” ร้านอาหารต้มยำกุ้ง 100% เป็นคนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เคยทำธุรกิจประสบความสำเร็จส่งเงินกลับเข้ามายังประเทศไทยมหาศาล
เมื่อประชาธิปัตย์ตั้งธงว่า จะต้องทวงคืนสนามเลือกตั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และลุยเข้าไปพบปะชาวไทยในมาเลเซีย ถือว่าเป็นการรุกที่เข้าเป้า เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ คือกลุ่มคนจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขายังมีญาติพี่น้องอีกจำนวนมากอาศัยอยู่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไปมาหาสู่กันอยู่ ถือว่าเป็นเครือข่ายใหญ่ที่มีศักยภาพ และในช่วงหลังขาดการเอาใจใส่ดูแล ร้านอาหารต้มยำกุ้ง ก็ประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ไม่แตกต่างจากที่อื่นๆทั่วโลก“นิพนธ์” ได้พบกับ Ukhuwah Mr. Johari Bin Ahmad และ กลุ่มเครือข่ายร้านอาหารต้มยำกุ้ง ใน กรุงกัวลาลัมเปอร์ พร้อมรับหนังสือร้องเรียน พบว่า ปัจจุบันการมาทำงานในประเทศมาเลเซียของกลุ่มคนไทยนั้น มีปัญหาหลายอย่างที่ต้องการให้รัฐบาลไทย ได้เข้ามาช่วยเหลือแก้ไขเร่งด่วนเนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานและการใช้ชีวิตของกลุ่มคนไทยที่มาทำงานที่นี่ โดยทางกลุ่มฯได้ร้องขอให้ช่วยเหลือในเรื่อง
1.การแจ้งเกิด-แจ้งตายที่ปัจจุบันมีรายละเอียดและขั้นตอนการทํางานที่ยุ่งยาก และหลายขั้นตอน
2.การอํานวยความสะดวกในการออกใบขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศมาเลเซีย
3.การอำนวยความสะดวกในการออกหนังสือเดินทาง(Passport) ให้กับคนไทยที่เดินทางมาทํางาน ให้สามารถต่ออายุ/ทำใหม่ได้ที่สถานทูตฯ
4. การกำหนดรายละเอียดการออกใบอนุญาตให้เข้ามาทํางานในประเทศมาเลเซีย (Work Permit) โดยกำหนดประเภทแรงงาน/ราคา
5.การส่งเสริมกิจกรรมการแข่งขันกีฬา และกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ของคนไทยที่เดินทางมาทํางานในประเทศมาเลเซีย
6.การจัดหาครูผู้สอนและสื่อการเรียนการสอนภาษาไทยให้กับเด็กที่ครอบครัวพามาพักอาศัย หรือ ที่แม่คนไทยคลอดในประเทศมาเลเซียด้วย ซึ่งปัจจุบันเด็กที่เดินทางมากับผู้ปกครองนั้นไม่สามารถสื่อสารและใช้ภาษาไทยได้“นิพนธ์” รับปากว่าจะหาช่องทางในการช่วยเหลือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องเร่งแก้ไขเพราะกลุ่มคนที่ร้องขอมานั้น ก็ถือเป็นคนไทยเช่นเดียวกัน โดยรายละเอียดต่างๆ โดยส่วนตัวคิดว่าบางอย่างสามารถดำเนินการได้ทันที อย่างการจัดกิจกรรมกีฬาเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์นั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้คนไทยในต่างแดนได้รู้จักกันมากขึ้น สามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ในเรื่องต่างๆ
ส่วนในเรื่องพาสปอร์ต และใบอนุญาตการทำงานต้องมีการประสานกับกระทรวงต่างประเทศ และทางการมาเลเซีย ซึ่งจะรับไปดำเนินการต่อร วมทั้งประเด็นอื่นๆตามที่กลุ่มฯได้ร้องขอมา เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ได้ทำรายได้เข้าประเทศและหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนใต้
ถ้า “นิพนธ์” สามารถดำเนินการได้ตามที่รับปากไว้ กระแสแส “ปากต่อปาก” ก็จะมาถึงหูของญาติพี่น้องในเมืองไทย และจะเป็นพลังดูดเสียงมาสนับสนุนผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ได้ไม่น้อยกล่าวสำหรับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นการต่อสู้กันเข้มข้นระหว่างพรรคประชาชาติ ของ วันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรค พรรคประชาชาติ ที่เคยยึดครองสนามนี้มาก่อน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ จะมี พรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) แทรกมาบ้างในเขตเลือกของ “วัชระ ยาวอหะซัน” ที่ ย้ายจากพรรคพลังประชารัฐ ไปสังกัดพรรค สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสอท. ซึ่ง “วัชระ” เป็นทายาททางการเมืองของ “กูเซ็ง ยาวอหะซัน” นายกฯอบจ.นราธิวาส
ประชาธิปัตย์ แม้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จะสูญเสียที่นั่งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ไปมาก แต่การรุกหนักของ “นิพนธ์” การสรรหาเลือดใหม่ การร่วมกันกำหนดนโยบายใหม่ และแนวทางใหม่ โอกาสกลับมายึดพื้นที่คืนของประชาธิปัตย์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ยังมีอยู่ไม่น้อย อย่างการได้ตัว ดร.สนิท อาแว มาสวมเสื้อประชาธิปัตย์ ลุยศึกกับ “อันวาร์ สาและ” อดีตคนประชาธิปัตย์เอง แต่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับพรรค โหวตสวนมติพรรค ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ส่งสมัครในครั้งนี้ และดัน “ดร.สนิท” ลงแทน
“ดร.สนิท” ถือเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของประชาธิปัตย์ แต่เมื่อเวที ไม่ว่างสำหรับเขา จึงไปลงสมัครในนามพรรคอื่น ซึ่งคะแนนที่ได้ ก็ไม่ธรรมดา เพียงแต่แพ้ “อันวาร์” เท่านั้นเองกับการลงสมัครรับเลือกตั้งกับพรรคเล็ก แต่คราวนี้ได้พรรคใหญ่ พรรคดี โอกาสของ “ดร.สนิท” ก็มีอยู่ไม่น้อย
สนามเลือกตั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้นจากเดิม 11 เก้าอี้ เป็น 13 เก้าอี้
“ขอพี่น้องอย่าทิ้งพวกเรา และพวกเราประชาธิปไตยไม่เคยทิ้งพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะ ประชาธิปัตย์ คือ พรรคของเรา คือ พรรคของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้สมัครทุกคนก็เป็นคนของเรา เป็นคนของพี่น้องจังหวัดชายแดนภาคใต้ วันนี้ผมจึงพา 12 คนของเรา พรรคของเรา มาคารวะและขอหัวใจสนับสนุนจากพี่น้องชายแดนใต้ทุกคน” นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หน.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุในช่วงเดินทางไปเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร 12 คน
เท่าที่ดูตัวว่าที่ผู้สมัคร ประวัติ ปูมหลัง และคู่แข่ง บวกรวมกับผลงานในการเป็นรัฐบาล 4 ปี กับการรุกหนักของ “นิพนธ์” เชื่อว่าสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ประชาธิปัตย์ต้องได้เพิ่มมากกว่าเดิม !