‘ครูแก้ว’เดือดจัด! ลั่นฟ้องกลับ ‘ทนายตั้ม’ ปมกล่าวหาอดีตเลขาฯ รีดเงินนักธุรกิจสาว

“ครูแก้ว” ศุภชัย โพธิ์สุ” รองประธานสภาฯ “ทนายตั้ม” มีหลักฐานดำเนินคดีเลย ปมอดีตผู้ช่วยเลขาฯ รีดเงินสาวธุรกิจ 25 ล้านบาท ยืนกรานฟ้องคืนแน่ ขณะที่ทนายดังโพสต์แนะเอาเวลาไปตรวจสอบลูกน้องดีกว่า

กรณีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน พาลูกความผู้เสียหายเป็นสาวใหญ่นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของบริษัทรับซื้อผลิตน้ำยางพาราก่อสร้างถนน ออกมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เกี่ยวกับปมถูกหลอกเรียกเงินจำนวน 25 ล้านบาท หลังถูกคณะกรรมการพิจารณารับรองคุณภาพน้ำยางพาราไม่ได้มาตรฐาน จึงมีการร้องต่อศาลปกครองตั้งแต่ปี 2562 แต่ไม่คืบหน้า กระทั่งมีบุคคลที่อ้างว่าเป็นผู้ช่วยเลขานุการ รองประธานสภาผู้แทน รวมถึงมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษานายก อบจ.จังหวัดหนึ่ง และยังอ้างว่าสนิทกับผู้ใหญ่พรรคการเมืองชื่อดัง ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อ แต่สุดท้ายไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือได้ก่อนหน้านี้ ทางผู้เสียหายได้แจ้งความดำเนินคดีกับทางกองปราบฯ แต่ไม่คืบหน้า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมผ่าน ทนายตั้ม เพื่อเรียกร้องให้ทางหน่วยงานเกี่ยวข้อง ตรวจสอบ ดำเนินคดีเอาผิดกับบุคลคลที่แอบอ้างว่าสนิทกับนักการเมืองชื่อดัง จนกระทั่งกลายเป็นประเด็นร้อนหลังมีการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ ทำให้สังคมตั้งคำถาม อยากให้หน่วยงานเกี่ยวข้องมีการตรวจสอบ ข้อเท็จจริง และให้บุคคลเกี่ยวข้องออกมาชี้แจง

ล่าสุด นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย ออกมาเปิดเผยว่าหลังทราบข้อมูลผ่านสื่อตนได้มอบหมายให้ทีมงานฝ่ายกฎหมายตรวจสอบข้อมูลจากเทปการแถลงข่าวของทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด พบว่ามีข้อมูลที่อาจเข้าข่ายพาดพิงกล่าวหาตนถึงแม้จะไม่ระบุชื่อชัดเจน แต่มีการบอกตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทน ที่มีอยู่ด้วยกัน 2 คน แต่คนที่มีลูกสาวเป็น นายก อบจ. คือตนคนเดียวเท่านั้น จึงเชื่อมั่นว่าเป็นการกล่าวหาทำให้ครอบครัวได้รับความเสื่อมเสีย รวมถึงมีการเอ่ยถึงพรรคภูมิใจไทยโยงไปถึงผู้ใหญ่ในพรรค ทำให้ทุกคนเกิดความเสียหาย ถือว่าไม่ถูกต้องการกระทำแบบนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง ได้ข้อมูลฝ่ายเดียว แล้วเอามาแถลง หากมีหลักฐานชัดเจน เกี่ยวข้องกับตน หรือบุคคลที่กล่าวอ้าง ควรที่จะดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่ามากล่าวหาลอยๆ

สำหรับบุคคลที่ถูกกกล่าวหาขอชี้แจงว่า เคยเป็นคนที่มาทำงานกับตนจริง ในตำแหน่งรองเลขานุการ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร มาทำงานเพียงไม่กี่เดือน แต่ปัจจุบันได้ลาออกไปแล้ว โดยไม่เคยทำเรื่องเสียหายให้แต่อย่างใด ส่วนการทำงานส่วนตัว การทำธุรกิจ หรือไปกระทำการอันใด เท็จจริงแค่ไหน ตนไม่รู้เห็นด้วยและไม่เคยรับรู้เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ควรจะเอาตนไปเกี่ยวข้องหรือหากเกี่ยวข้องกับตนจริงนำหลักฐานไปดำเนินคดีกับตนเลย ไม่ใช่มาพูดให้เกิดความเสียหาย

“เดิมทียอมรับเคยชื่นชมทนายตั้มมานาน จนกระทั่งมาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำให้ผมรู้ว่าเชื่อถือไม่ได้ โดยจะต้องปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีของตัวเองและครอบครัว ยืนยันว่าจะฟ้องดำเนินคดีคืนแน่นอน ส่วนถามว่าเกี่ยวข้องกับการเมืองหรือไม่ตนไม่แน่ใจ” ครูแก้ว กล่าว

ขณะเดียวกัน ทางด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ออกมาเคลื่อนไหว โพสต์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กว่า “วันนี้ท่านรองประธานสภา ขู่จะฟ้องผมที่ทำเขาและลูกสาวเสียหาย ผมให้ทีมงาน Sittra Law Firm ตรวจเช็คทุกคำ มั่นใจว่าไม่มีคำไหนหมิ่นประมาทสักคำครับ ลูกความผม ถูกคนที่มีตำแหน่งในสภาฉ้อโกงไป 25 ล้านบาท ผมก็แค่ตั้งคำถามว่า เอาคนที่จบปริญญาตรี โท เอกจากอเมริกา ขณะติดคุกมารับตำแหน่งได้ยังไง ได้ตรวจเช็ควุฒิบ้างหรือเปล่า พอวันนี้นอกจากท่านรองประธานสภา จะไม่จัดการกับอดีตลูกน้องตัวเองแล้ว แทนที่จะตรวจสอบว่าแอบอ้างทำพรรคเสียหายไหม อะไรยังไง ยังมาให้สัมภาษณ์ขู่เอาเรื่องผมอีก ก็ฟ้องมาได้เลยครับ คนแบบผมไม่กลัว และถ้าจะให้ขอโทษคงไม่มีวัน ##สหายตั้ม”