ชาวสวนผลไม้มีเฮ !! “อลงกรณ์” แจ้งข่าวดี เตรียมขนผลไม้ไทยด้วยรถไฟ ”จีน-ลาว”หลังจุดตรวจโรคพืช ณ ด่านรถไฟโมฮ่าน เปิดบริการ 3 ธันวาคมนี้ ฝ่ายเลขาฯ Fruit Board เตรียมเรียกทุกฝ่าย หารือแนวทาง การขนส่งด้วยทางรถไฟ
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสํานักงานที่ปรึกษาการเกษตรต่างประเทศ ประจํากรุงปักกิ่ง และฝ่ายเกษตร ประจําสถานกงสุลใหญ่ ณ นครกว่างโจว ว่า จุดตรวจสอบและกักกันผลไม้นำเข้า ที่ด่านรถไฟโม่ฮาน ได้สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วและผ่านการตรวจรับจากศุลกากรคุนหมิงเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอตรวจรับจาก กระทรวง GACC ในส่วนกลาง ซึ่งน่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทันเวลาที่คณะกรรมการพัฒนาและการฏิรูปมณฑลยูนนาน กำหนดจัดพิธีเปิดจุดตรวจสอบสอบกักกันผลไม้นำเข้า ด่านรถไฟโม่ฮาน ในวันที่ 3 ธันวาคมนี้ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 1 ปีของการเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาวดังนั้นจึงถือเป็นข่าวดีของชาวสวนผลไม้ที่จะมีการขนส่งทางรางโดยเส้นทางรถไฟจีน-ลาวจากไทยไปถึงคุนหมิงเปิดบริการขนส่งผลไม้ไทยไปยังตลาดจีนเพิ่ม อีกเส้นทางหนึ่ง ซึ่งรายงานล่าสุดยืนยันแล้วว่า จีนจะเปิดจุดตรวจสอบและกักกันพืชที่ด่านรถไฟโมฮ่านบริเวณพรมแดนจีน-ลาวภายในต้นเดือนธันวาคมนี้ให้ทันพิธีฉลอง 1 ปี การเปิดเส้นทางรถไฟจีน-ลาว วันที่ 3 ธ..ค. 2565ทั้งนี้ฟรุ้ทบอร์ดได้มอบหมายฝ่ายเลขาธิการ จัดประชุมผู้แทนชาวสวน สหกรณ์ ล้ง สมาคมผลไม้ ผู้ส่งออกและผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในเร็วๆนี้เพื่อสร้างความเข้าใจในกฎเกณฑ์และข้อกำหนดต่างๆ ในการขนส่งด้วยขบวนรถไฟสายจีน-ลาว โดยการนำเข้าส่งออกผลไม้ภายใต้พิธีสารผลไม้ระหว่างไทย-จีนจะต้องมีการตรวจโรคพืช (มาตรการSPS) ที่ด่านนำเข้าส่งออก ดังนั้นแม้ว่าจะมีการส่งออกนำเข้าสินค้าเกษตรอื่นๆของไทยด้วยขบวนรถไฟจีน-ลาวตลอด1ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีการขนส่งผลไม้ไทยไปจีนด้วยขบวนรถไฟสายนี้จากเวียงจันทน์ ไปถึงคุนหมิงโดยตรง เราต้องใช้เวลาเสียเงินกันมากในการขนส่งผลไม้จากเวียงจันทร์ขึ้นรถไฟไปบ่อเตนยกขึ้นรถบรรทุกรอคิวเข้าจีนที่ด่านโมฮ่าน(ด่านรถบรรทุก)เพราะจุดตรวจโรคพืชของด่านรถไฟโมฮ่านยังไม่เปิดบริการ“จีนเถือป็นตลาดหลักของทุเรียนไทย โดยในปี2564 การส่งออกทุเรียนสดไปจีน จำนวน875,097 ตันคิดเป็นมูลค่า 109,205 ล้านบาท ขยายตัว 68.4%สูงสุดเป็นประวัติการณ์โดยผลไม้ไทยสามารถครองตลาดจีนมีมาร์เก็ตแชร์กว่า 40 % อันดับ2คือชีลี 15% เวียดนาม 6%อยู่อันดับ3 ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของผลไม้ไทย แม้ต้องเผชิญปัญหามาตรการZero Covidของจีนซึ่งกระทบการขนส่งและการส่งออกเป็นระยะๆในช่วง3ปีที่ผ่านมา แต่รัฐบาลโดยฟรุ้ทบอร์ด กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรชาวสวน สหกรณ์ผลไม้ สมาคมผลไม้ ผู้ประกอบการล้งและผู้ส่งออกในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆทำให้ราคาทุเรียนและผลไม้โดยรวมได้ราคาที่ดีและสามารถเพิ่มการส่งออกสร้างรายได้ให้ประเทศของเรามากขึ้น” นายอลงกรณ์ กล่าว