“อนุทิน ชาญวีรกูล” ตอบกระทู้สด ละเอียดยิบ ยืนยันนโยบายกัญชา “เสรีแต่ไม่ไร้การควบคุม” วอนสภาฯ ผ่านกฎหมาย กำกับการใช้งาน ชี้ มูลค่าตลาดกัญชาในปี65 มี เกือบ3หมื่นล้าน ขอทุกฝ่ายรักษาประโยชน์ประชาชน
วันที่ 24 พ.ย.65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ตอบกระทู้สดในสภาผู้แทนราษฎร โดยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้ตั้งกระทู้สามคำถามเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายกัญชาของรัฐบาล ว่าเป็นนโยบายกัญชาเสรีจริงหรือไม่ เหตุใดต้องปลดกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติด และจะมีแนวทางป้องกันการใช้กัญชาในทางที่ผิดเพื่อควบคุมผลกระทบทางสังคมอย่างไร
นายอนุทิน กล่าวว่า “รัฐบาลมีนโยบายกัญชาเสรี แต่เป็นเสรี แบบมีการควบคุม ไม่ใช่ไร้การควบคุม โดยรัฐบาลมีนโยบายคืนสมุนไพรกัญชาและภูมิปัญญาชาวบ้าน ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้โดยมีกฎหมายกำกับ” พร้อมกล่าวถึงรายละเอียดในนโยบายเร่งด่วนข้อสี่ของรัฐบาลที่ระบุว่าเป็นไปเพื่อ “ต่อยอดภูมิปัญญาและความรู้ของปราชญ์ชาวบ้าน ในการสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เกษตรแปรรูป รวมทั้งเร่งศึกษาวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการใช้ กัญชา กัญชง และพืชสมุนไพรในทางการแพทย์ อุตสาหกรรมทางการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการสร้างรายได้ของประชาชน โดยกําหนดให้มีกลไกการดําเนินงานท่ีรัดกุมเพื่อมิให้เกิดผลกระทบทางสังคม ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด” นั่นคือเหตุผลที่ต้องมีพระราชบัญญัติกัญชากัญชงมาควบคุมการใช้กัญชา
จากนั้นได้กล่าวย้ำว่ามูลค่าการตลาดของกัญชานั้นมีนับแสนล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจของคนไทย ซึ่งทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง พรรคการเมืองหลายพรรคก็ได้มีนโยบายเกี่ยวกับกัญชาเช่นกัน พร้อมให้ข้อมูลเสริมว่า มีการศึกษาว่า ตลาดกัญชาในประเทศไทยมีมูลค่าสูงกว่า 28,000 ล้านบาทในปี 2565 และภายใน 3 ปี จะมีมูลค่ามากกว่าห้าหมื่นล้านบาท “ถ้าหากมีการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง ตามที่มีหลายท่านให้คำแนะนำมา ก็จะทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจนี้หดตัวไป ทำให้ความมั่นใจลดน้อยถอยลง โอกาสในการสร้างรายได้เลี้ยงครอบครัวก็จะลดน้อยถอยลงไป”
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า หลังจากสภารับหลักการร่างพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ได้เห็นชาวบ้านแสดงออกว่าดีใจที่ผู้แทนราษฎรได้ร่วมกันรักษาประโยชน์ของประชาชน ต่อจากนั้น ร่างพระราชบัญญัติกัญชง กัญชาที่เดิมเสนอโดยพรรคภูมิใจไทย ก็ได้กลายเป็นร่างของกรรมาธิการที่มาจากสภาผู้แทนราษฎรของประชาชน โดยผู้ทรงคุณวุฒิ ได้มีการรับฟังประชาชนจากทุกสารทิศ จนได้มาเป็นร่างกฎหมายของกรรมาธิการที่จะนำเสนอต่อสภาในวาระที่สอง จึงอยากให้สภาได้คำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชน ที่จะมีกฎหมายมาควบคุมไม่ให้มีการใช้ในทางที่ผิด
ส่วนการปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ห้า ยกเว้นสารสกัดจากกัญชาที่มี THC เกินกว่าร้อยละ 0.2 ของน้ำหนักที่ยังคงเป็นยาเสพติดนั้น นายอนุทินยืนยันว่าเป็นไปโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และ ประกาศของรัฐมนตรีเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย มีเหตุผลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ กัญชามีประโยชน์มากกว่าโทษ ความเสี่ยงจากกัญชามีในระดับที่ไม่รุนแรงและควบคุมได้ ไม่ต่างจากเหล้า บุหรี่ นั่นคือเหตุผลที่คืนกัญชาให้เป็นพืชสมุนไพรให้ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ พร้อมย้ำว่าผลของการปลดกัญชาจากยาเสพติดนั้น ทำให้ประชาชนมีโอกาส เข้าถึงกัญชาและใช้ประโยชน์ได้ตามกฎหมายที่ออกมากำกับ
นอกจากนี้ นายอนุทินชี้แจงว่า การถอดกัญชาจากยาเสพติดได้ลบอุปสรรคที่เป็นข้อจำกัดในการศึกษาวิจัย พัฒนา เทคโนโลยีการใช้กัญชากัญชงเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ อุตสาหกรรมการแพทย์ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจสร้างรายได้ให้แก่ประชาชน หน่วยงานของรัฐและเอกชนไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวหรือ ตั้งงบประมาณเพื่อศึกษาวิจัยพัฒนากัญชา หากยังเป็นยาเสพติด ในขณะที่การถ่ายทอดภูมิปัญญาไทย การต่อยอดองค์ความรู้ทางการแพทย์แผนไทย ตำรับยาหมอพื้นบ้านของไทยที่ใช้กัญชาซึ่งมีมานานกว่า 300 ปี ก็สูญหายไป ไม่มีการพัฒนาไม่มีการสืบทอด เพราะกัญชาถูกแปะฉลากว่าเป็นยาเสพติด
นายอนุทินกล่าวว่า ตนมั่นใจว่าตั้งแต่มีการดำเนินนโยบายให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้าถึงกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพ และเศรษฐกิจนั้น ยังไม่มีปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ มีคนที่ขายอย่างจดทะเบียนถูกต้อง ส่วนคนที่แอบขาย หรือคนจงใจทำผิดกฎหมาย ก็ต้องบังคับใช้กฎหมายเช่นเดียวกับเรื่องอื่นๆ